Today Selections >> BGRIM, BTS, TRUE
Stock S R Comment
BGRIM 26.75 28.50 พร้อมลุยพลังงานในเวียดนาม 200 MW
BTS 8.60 8.80 New Growth ชิงประมูลรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน
TRUE 7.35 7.70 เตรียมขายสินทรัพย์เข้า DIF จ่อบุ๊คกำไรพิเศษ
It's all about oil
PTTEP : บริษัทประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ดีกว่าคาดที่ 13,381 ล้านบาท โดยมีไฮไลท์น่าสนใจดังนี้
1) ปริมาณการขายเฉลี่ยหดตัว QoQ เนื่องจากผู้รับซื้อก๊าซในปริมาณที่ลดลง และมีจำนวนวันการปิดซ่อมบำรุงมากกว่าไตรมาสก่อน
2) ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น QoQ ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น
3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงจากไตรมาสก่อน จากค่าใช้จ่ายพนักงานที่ลดลง
4) ภาษีจ่ายที่ลดลงจากไตรมาสก่อน จากผลกระทบเงินบาทที่แข็งค่า
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2 ประเมินว่า หากราคาน้ำมันยังคงยืนอยู่ได้ในระดับ 65-70 $/bbl ผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังแข็งแกร่งต่อไปได้ โดย QTD ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 68.5 $/bbl ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยไตรมาส 1 ที่ 64 $/bbl และราคาก๊าซเฉลี่ยอยู่ที่ 6.3 $/MMBTU ดีขึ้นจากไตรมาส 1 ที่ 6$/MMBTU คงคำแนะนำ "Trading Buy" ที่ราคาเป้าหมาย 125 บาท (ไม่นับรวม Upside 4 บาทจากสัดส่วนบงกชที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อหุ้นจาก Shell และ 14 บาท หากบริษัทสามารถชนะการประมูลแหล่งก๊าซบงกช)
Oil : อย่างไรก็ดี ในเชิงกลยุทธ์ เรายังคงแนะนำชะลอการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงานในระยะสั้น เนื่องจาก ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบที่ระดับปัจจุบันมี Downside risk ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก
1) ปัจจัยพื้นฐานที่เริ่มไม่สนับสนุน เช่นการปรับตัวสูงขึ้นของปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันใช้งานในสหรัฐฯ ที่ล่าสุดอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี
2) ปัญหาความขัดแย้งในชาติตะวันออกกลางที่เริ่มมีน้ำหนักลดลง
3) ปริมาณ Net long position ในน้ำมันดิบสหรัฐฯที่อยู่ในระดับสูงสุดเกือบเป็นประวัติการณ์ จนอาจต้องระวังการขายปิดสถานะของนักลงทุนประเภท Hedge funds
4) การปรับตัวแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกดดันต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม
Upside risk : อย่างไรก็ดี Upside ของราคาน้ำมันที่อาจเกิดขึ้น จนทำให้สมมติฐานของเราผิดไปได้แก่ โอกาสที่สหรัฐฯอาจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่เคยทำไว้กับอิหร่านและมีมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ หากเกิดขึ้นจริงจะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ Brent ที่ล่าสุดมีค่า Premium จากราคาน้ำมันดิบ WTI ไปถึง 6.5 เหรียญฯ/บาร์เรลแล้ว แนะนำนักลงทุนติดตามประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ซึ่งปธน.โดนัลด์ ทรัมป์จะมีเวลาตัดสินใจจนถึงวันที่ 12 พฤษภาคมนี้
กลยุทธ์การลงทุน : หลังจากลดพอร์ทการลงทุนไปแล้ว เราแนะนำนักลงทุนชะลอการลงทุนในช่วงสั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง 3 ประการที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ 1) การปรับลดประมาณการกำไรของบจ. ที่เริ่มลามมายังกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏการณ์ขึ้นในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ 2) การปรับตัวพุ่งสูงขึ้นของ Bond yield ทั่วโลก จนทำให้ล่าสุด Earning yield gap ของตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ Lehman crisis และ 3) Downside risk ของราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น
Theme : หากจะต้องเลือกลงทุนในช่วงนี้ กลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Selective ได้แก่
1) กลุ่มปิโตรเคมีที่ Spread ผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ในระดับสูง ได้แก่ IVL (ราคาเป้าหมายของเราอยู่ที่ 70 บาท)
2) กลุ่มโรงแรมที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการขยายตัวของการท่องเที่ยวเมืองรอง ได้แก่ MINT (48 บาท) และ ERW (8.90 บาท)
3) กลุ่มนิคมฯและ Logistics properties ที่ได้ประโยชน์จากการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ AMATA และ WHA (ราคาเป้าหมาย Consensus อยู่ที่ 27 บาทและ 4.60 บาทตามลำดับ)
4) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มี Dividend yield อยู่ในระดับสูง ได้แก่ QH (3.85 บาท) และ AP (9.20 บาท)
5) กลุ่มสื่อสารที่มี Regulatory risk ที่ลดลง ประกอบกับความน่าจะเป็นที่จะได้รับมาตรการเยียวยาจากภาครัฐมีสูงขึ้น เลือก ADVANC (217 บาท) และ TRUE (8.30 บาท)
6) สำหรับนักลงทุนระยะสั้นประเภทเก็งกำไร แนะนำกลุ่มชิ้นส่วนฯที่ได้อานิสงส์จากการที่เงินบาทกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาของการอ่อนค่ามากที่สุดประจำปี ได้แก่ KCE (88 บาท) และ HANA (44 บาท)
แนวรับ 1,761 แนวต้าน 1,791
บทวิเคราะห์วันนี้
- PTTEP (ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 125 บาท) กำไรไตรมาส 1 ที่ 13,381 ล้านบาท น้ำมันขาขึ้นแนวโน้มไตรมาส 2 ยังแข็งแกร่ง
Today's Event :
ASIA XD 1.25 บาท BEM XD 0.07 บาท
CPALL XD 1.10 บาท EKH XD 0.12 บาท
INET XD 0.1259 บาท MTLS XD 0.18 บาท
SIS XD 0.45 บาท TISCO XD 5.00 บาท
TISCO-P XD 5.00 บาท AMANAH ลูกหุ้นเข้า 6,800,072 หุ้น
NDR ลูกหุ้นเข้า 6,771,054 หุ้น SPALI ลูกหุ้นเข้า 59,896,603 หุ้น
ข่าวเด่น