Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวลง โดยมีแรงขายทำกำไรต่อเนื่องในกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP และ กลุ่มปิโตรอย่าง IVL, PTTGC และกลุ่มโรงพยาบาล BH, BDMS ภายหลังปรับตัว Outperform กลุ่มอื่นๆ ในขณะที่มีแรงซื้อคืนในกลุ่ม ธนาคารภายหลังปรับตัวลงสูงกว่า 10% นำโดย KBANK, BBL และยังคงเห็นแรงซื้อเด่นต่อเนื่องในกลุ่มขนส่ง โดยเฉพาะกลุ่มรถไฟฟ้าอย่าง BEM, BTS และ เดินเรืออย่าง PSL โดย ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,773.5 จุด (-6.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.8 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 6.4 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 487 ล้านบาท และเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 4,213 สัญญา
Investment theme
ในระยะกลางเมื่อสภาพคล่องลดลง หุ้นที่จะ Outperform คือพื้นฐานไม่ใช่ Story driven : ภายหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวทะลุ 3.0% เราเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียบางส่วนนำโดยตลาดหุ้นเกาหลี (WTD –1,600 ล้านเหรียญ), ไต้หวัน, อินโดเนเซีย มาเลเซียและประเทศไทย รวมสูงกว่า 3.1พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ Policy divergence จากธนาคารกลางญี่ปุ่นและยุโรป ส่งผลบวกทางอ้อมให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าในอัตราเร่ง ประกอบกับเริ่มเข้าสู่ช่วงการจ่ายปันผลซึ่งมีโอกาสที่นักลงทุนต่างประเทศจะพิจารณานำปันผลส่วนนี้ออกจากประเทศ (อิงจากในอดีตเงินบาทมักอ่อนค่าในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกๆ ปี) ซึ่งในปีนี้ก็มีโอกาสเป็นเช่นนั้น ส่งผลให้เรามองว่าตลาดจะกลับมาเล่นบน Fundamental play อีกครั้ง ภายหลังจากเมื่อ 6 เดือนก่อนถูกเก็งกำไรบน Liquidity play ค่อนข้างสูง โดยเราแนะนักลงทุนหันสะสมหุ้นกลุ่มที่คาดผลประกอบการจะดีในไตรมาสหนึ่งพร้อมเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสสอง ได้แก่ IVL, PTTEP, CPN และ LH
Investment Theme: คาด SET แกว่งตัวบริเวณ 1,780+/- จุด รอดูผลประกอบการกลุ่มพลังงาน และแนะทยอยสะสมกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่มรถไฟฟ้า, กลุ่ม ICT และ กลุ่มโรงพยาบาล
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – กระทรวงพลังงานคาด ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลเติบโต 6.2% และ 5.1% ตามลำดับ แต่ NGV ลดลง 8.3% / ECB คงดอกเบี้ย -0.4% / PTTEP รายงานผลประกอบการดีกว่าคาด 6% / ผู้นำเกาหลีเหนือ-ใต้ พบปะกันครั้งแรกในรอบ 65 ปี
กลยุทธ์การลงทุน
การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ที่ 3.0% เป็นเรื่องที่ถูกตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เพียงแต่มาถึงเร็วกว่าคาด โดยสรุปเรามองประเด็นดังกล่าวเป็นการจำกัด Upside ของตลาดหุ้นในระยะกลาง แต่ในระยะสั้นเรามองผลกระทบจำกัด (แนวรับ บริเวณ 1,770) คงคำแนะนำ ถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 30% และทยอยซื้อ กลุ่มพลังงาน, กลุ่มรถไฟฟ้า และกลุ่มค้าปลีก
กลุ่มพลังงานและปิโตร เป็นกลุ่มที่เราคาดผลประกอบการ 1Q18 เด่น และต่อเนื่องถึง 2Q18 แนะรอซื้อ PTT บริเวณ 55.0 บาท +/- และ IVL บริเวณ 59.0 บาท +/-
กลุ่มขนส่ง (รถไฟฟ้าและเดินเรือ) ด้วยความ Defensive และอุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่ช่วงการเติบโตใน 12-24 เดือนข้างหน้า แนะสะสม BEM,BTS และ PSL จากการฟื้นตัวของการค้าโลก
กลุ่มค้าปลีก ถือเป็นกลุ่มที่เรามองว่าได้ประโยชน์จาก Policy risk มากที่สุด แนะทยอยสะสม CPALL 94.0 บาท, CPN เป้าหมาย 89.0 บาท
Trading idea – เก็งกำไร GOLD มี Upside ประมาณการ – AH (เราออกบทวิเคราะห์วันนี้ คาดผลประกอบการเติบโตดี 36%YoY)
ควรเริ่ม Rebound เพื่อรักษาการแกว่งในกรอบ: แรงขายจากกลุ่มพลังงาน ทำให้ดัชนีปรับตัวลงต่อ แม้จะเริ่มมีแรงซื้อกลับในกลุ่มธนาคารและขนส่งแต่ยังไม่มากพอ ทำให้ขณะนี้ดัชนียังแกว่งตัวอยู่บริเวณเส้น Downtrend Line ที่บริเวณ 1770 ซึ่งหากปิดหลุดเส้นดังกล่าว และ MACD ตัด Signal ลง ดัชนีจะกลับมาเป็นขาลงอีกครั้ง มองแนวรับถัดไปที่ 1760 แต่หากไม่หลุดมองดัชนีจะแกว่งในกรอบ 1770-1800
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1770-1800 เน้นขึ้นขาย-ลงซื้อ หากหลุด 1770 แนะนำ Lock Profit 2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนระหว่างวัน หากไม่หลุด 1770 มองเป็นโอกาสซื้อเพื่อเล่น Trading สั้นๆ
แนวรับ : 1770, 1760 แนวต้าน : 1785, 1800
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: -
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
AOT (B 70.00, Tp 72.00//74.00, Cut 69.00)
TISCO (B 92.00, Tp 95.00, Cut 91.00)
ข่าวเด่น