กลยุทธ์วันนี้
เก็งกำไรรายตัวบนผลการดำเนินงาน 1Q61 // Laggard Play
Smart Pick
ราคาปิด 71.00 บาท
ราคาเหมาะสม 92.00 บาท
คาดการท่องเที่ยวไทยมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนทท.จีนซึ่งมีหนังสือเดินทางเพียง 4% ของประชากรทั้งหมด เราเชื่อว่านทท.จีนจะยังเติบโตเด่นใน 3 ปีข้างหน้า
สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 จะเริ่มให้บริการปี 2564 รองรับผู้โดยสารมากถึง 90 ล้านคน จากปัจจุบัน 45 ล้านคน เราปรับสมมติฐานการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารปี 2564-2567 ขึ้นเป็น 15% จากเดิม 7% ส่งผลให้ราคาเหมาะสมขยับขึ้นเป็น 92.00 บาท
เก็งกำไร TRUE
ราคาปิด 7.50 บาท
ราคาเหมาะสม 8.35 บาท
คาด 1Q61 จะขาดทุนปกติ 830 ล้านบาท ลดลงจาก 1Q60 ที่ขาดทุนสูงถึง 2.7 พันล้านบาท โดยรายได้กลุ่มมือถือเติบโตต่อเนื่อง 10% YoY ผลักดันให้ EBITDA ใน 1Q61 เพิ่มขึ้น 21% YoY เป็น 8.9 พันล้านบาท
TRUE ยังมีจุดเด่นเหนือคู่แข่งสำหรับการประมูล 1800MHz รอบใหม่ เนื่องจากมีคลื่นในมือสูงสุด ดังนั้น หากการประมูลมีการแข่งขันด้านราคา TRUE มีแรงกดดันต่ำสุด เพราะไม่ได้มีความต้องการคลื่นรอบนี้มากนัก
ราคาปิด 97.00 บาท
ราคาเหมาะสม 103.00 บาท
หุ้นกลุ่มพลังงานคาดฟื้นตัว หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX ทรงตัวระดับสูง เพื่อรอดูการตัดสินใจของสหรัฐฯว่าจะคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่หรือไม่ โดยจะตัดสินใจภายในวันที่ 12 พ.ค.
รายงานงบ 1Q61 ในวันที่ 9 พ.ค. คาดกำไรปกติเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากแรงหนุนของธุรกิจปิโตรเคมี อีกทั้งเป็นผู้ผลิตแบบ Gas Base ย่อมได้ประโยชน์จากต้นทุน แนวโน้มกำไรปกติ 2Q61 คาดเติบโต YoY เด่นสุดในกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจาก 2Q60 ฐานกำไรค่อนข้างต่ำจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน
ราคาปิด 132.50 บาท
ราคาเหมาะสม 130.00 บาท
คาดราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค แนวรับ 131.00 บาท แนวต้าน 135.00 บาท และ Stop loss หากปรับตัวลงต่ำกว่า 130.00 บาท
รายงานกำไรสุทธิ 1Q61 ที่ 13,381 ล้านบาท +9% YoY และ +42% QoQ ออกมาดีตามคาด และคาดว่ากำไร 2Q61-3Q61 จะดีต่อเนื่องจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น และรับรู้รายได้จากแหล่งบงกชเพิ่มขึ้นจาก 44.5% เป็น 66.7% ตั้งแต่กลาง 2Q61
Pair Trade : n.a
กลยุทธ์วันนี้
เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้จะเกิด Technical Rebound สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียเช้าวันนี้ หลัง SET INDEX อ่อนตัวลงมา 4 วันติด ประกอบกับตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง DJIA มีแนวรับแข็งแกร่งบริเวณ 24000 จุด ขณะที่ US 10-Year Bond Yield ลดลงต่ำกว่า 3% อีกครั้ง เอื้อต่อบรรยากาศการลงทุนในเอเชียวันนี้
SET INDEX มีโอกาสทดสอบด่าน 1780 จุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวันนี้ แต่ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ก่อนเข้าสู่ช่วงคาบเกี่ยววันหยุดต้นสัปดาห์หน้า คาดกลุ่ม Global Play โดยเฉพาะ PTT Family จะกลับมาเป็นกลุ่มนำตลาด หนุนด้วยราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง บนความไม่แน่นอนด้านข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน นอกจากนี้ ราคาหุ้น PTT ลงมาต่ำกว่าราคาปิดก่อนแตกพาร์ (57.20 บาท) เป็นระดับที่น่าจะดึงดูดนักลงทุนระยะยาว Buy and Hold กลับเข้ามาทยอยสะสม
บทวิเคราะห์ Earnings Result เช้านี้ PTTEP รายงานกำไรปกติ 1Q61 ขยายตัวแข็งแกร่ง +21% QoQ, +30% YoY เราปรับเพิ่มราคาเหมาะสมขึ้นจาก 123 เป็น 130 บาท จากการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบ
เชิงกลยุทธ์ เรายังคงแนะนำให้เก็งกำไรหุ้นรายตัวบนผลการดำเนินงาน 1Q61 ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร (TRUE), พลังงาน/ปิโตรเคมี (IRPC/ PTTGC), ค้าปลีก (BJC), ขนส่ง (BEM) ขณะที่หุ้นใหญ่ที่มีแนวโน้มการเติบโตระยะยาวแข็งแกร่งอย่าง AOT มีความน่าสนใจในการเข้าสะสมเช่นกัน
HOT Topic
1. ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย หลุดแนวรับ 200 วัน เหลือไทยเพียงประเทศเดียวในกลุ่ม TIP ที่ยังยืนเหนือเส้น 200 วัน เรามองอย่างไร?
2. DTAC วานนี้ปรับตัวลง ขณะที่ TRUE ปิดบวก สะท้อนว่าตลาดมองอย่างไรต่อการประมูลคลื่น 1800MHz รอบนี้?
3. บทวิเคราะห์หุ้น PTTEP หลังรายงานงบ 1Q61 ตามคาด 2Q61 แนวโน้มจะเป็นอย่างไร
4. ตัวเลข GDP 1Q61 ของสหรัฐฯ คาด +2.0% เป็นปัจจัยสำคัญต่อค่าเงิน Dollar และ Bond Yield
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ยังปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่ 1785 จุด แต่สุดท้ายลงมาปิดที่ 1773.20 จุด ลดลง 6.32 จุด โดนผลกระทบจากหุ้น PTT (-1.74%), BH (-6.36%) และ SCC (-1.27%) กระทบดัชนีราว 4.6 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 4.9 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 5 อีกราว 487 ล้านบาท รวม 5 วันทำการขายสุทธิสะสมทั้งสิ้น 8.5 พันล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีกราว 1.2 พันล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิสะสมทั้งสิ้น 4.9 พันล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อีกราว 4.2 พันสัญญา รวม 2 วันทำการมีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 1.1 หมื่นสัญญา สวนทางกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิต่อเป็นวันที่ 3 อีกราว 771 สัญญา รวม 3 วันทำการมีสถานะ Long สุทธิสะสมราว 6.2 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิสะสมราว 6.5 หมื่นสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชีบล. มีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 6.3 พันสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันราว 7.9 พันล้านบาท รวม 5 วันทำการขายสุทธิราว 1.9 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0% และวงเงิน QE ไว้ที่ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือน ก.ย.2561
- Moody ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯไว้ที่ AAA และคงแนวโน้ม "เสถียรภาพ" (Stable)
- สหรัฐฯมีแผนถอนตัวออกจากข้อตกลง P5+1 และคว่ำบาตรอิหร่าน หลังจากอิหร่านไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ โดยสหรัฐฯจะต้องตัดสินใจภายในวันที่ 12 พ.ค. นี้
- BOJ มีมติคงนโยบายทางการเงินไว้เช่นเดิม และคาดการณ์เงินเฟ้อจะถึงเป้าหมายที่ระดับ 1.8% ได้ภายในเดือน ม.ค 2562
- จีนเตรียมพิจารณาลดภาษีนำเข้ารถยนต์โดยสารลงจาก 25% เป็น 10-15%
- ติดตามการประชุม BOJ วันนี้
- ติดตามการรายงาน GDP 1Q61 ของสหรัฐ ตลาดคาดขยายตัว 2% วันนี้
- ติดตามการประชุมของผู้นำระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ วันนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
- ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ PCE เดือน มี.ค.ของสหรัฐ และการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย วันที่ 30 เม.ย.
- ติดตามการรายงานเงินเฟ้อไทย เดือน มี.ค. วันที่ 1 พ.ค. ตลาดคาดขยายตัว 0.9% YoY
- ติดตามการรายงาน GDP ยุโรป 1Q61 ตลาดคาดขยายตัว 2.6% YoY ในวันที่ 2 พ.ค.
- ติดตามการประชุม Fed วันที่ 1-2 พ.ค.
- ติดตามการรายงานเงินเฟ้อยุโรป ตลาดคาดขยายตัว 1.3% YoY วันที่ 3 พ.ค.
- ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ วันที่ 4 พ.ค.
ข่าวเด่น