Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงขายทำกำไรในกลุ่มโรงพยาบาลนำโดย BH, BDMS, BCH และกลุ่มโรงกลั่นอย่าง IRPC , กลุ่มสินเชื่ออย่าง SAWAD, MTLS ในขณะที่มีแรงซื้อในกลุ่ม ICT อย่าง TRUE, ADVANC , DTAC และกลุ่มรถไฟฟ้า BTS, BEM พร้อมเกิด Technical rebound ในกลุ่มธนาคารนำโดย KBANK, SCB โดย ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,778.0 จุด (+4.82 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.0 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 4.8 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 2,095 ล้านบาท และเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 4,676 สัญญา
Investment theme
เมษายน ตลาดหุ้นเผชิญกับ Policy risk ทำให้เหลือกลุ่มลงทุนลดลง : จบการลงทุนไปอีกหนึ่งเดือน ซึ่งต้องยอมรับว่าการลงทุนเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความลำบาก สาเหตุหลักเกิดจากความเสี่ยงเชิงนโยบายจากภาครัฐ (Policy risk) ส่งผลให้หุ้นหลายกลุ่มได้รับผลกระทบ นำโดย กลุ่มก่อสร้าง, กลุ่มโรงกลั่น และกลุ่มธนาคาร ในขณะที่กลุ่มที่ปรับตัวขึ้นเด่นที่สุดได้แก่กลุ่มขนส่ง (MTD +5.7%) นำโดย AOT, BEM, BTS, PSL และหากนับภาพรวมพบว่ามีหุ้นสูงเกือบ 400 บริษัทที่ราคา MTD ปรับตัวลง (คิดเป็นประมาณ 60%ของจำนวนบริษัททั้งหมด, และมีเพียง 13% ที่ปรับตัวขึ้นสูงกว่า 5%) ภาพดังกล่าวสะท้อนเม็ดเงิน Liquidity flow ในตลาดที่เริ่มลดลงจากทั้งประเด็น กลุ่มที่เหลือให้ลงทุนน้อยลง และความกังวลเรื่อง Bond yield ของสหรัฐที่เร่งตัวขึ้นส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นทั่วเอเชียรวมถึงประเทศไทย ซึ่งเราแนะนักลงทุนจับตาการประชุม FED และการรายงานตัวเลขสำคัญต่างๆในสัปดาห์นี้ ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นตัวกำหนดทิศทาง Fund flow ในเดือนพฤษภาคมนี้
Investment Theme: เรามองว่าตลาดจะกลับมาเล่นบน Fundamental play อีกครั้ง ภายหลังจากเมื่อ 6 เดือนก่อนถูกเก็งกำไรบน Liquidity play ค่อนข้างสูง โดยเราแนะนักลงทุนหันสะสมหุ้นกลุ่มที่คาดผลประกอบการจะดีในไตรมาสหนึ่งพร้อมเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสสอง ได้แก่ IVL, PTTEP, CPN และ LH
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ผู้นำเกาหลีเหนือ-ใต้ ตั้งเป้ายุติภาวะสงครามปีนี้ / ผู้ว่า BoK ระบุคงวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรจนเงินเฟ้อถึงเป้าที 2.0% / Bond yield สหรัฐปรับตัวลงต่ำกว่า 3.0% อีกครั้ง
Stock pick : SF
SF : แนะซื้อ ราคาเหมาะสม 10.60 บาท/หุ้น
คาดกำไรจากการดำเนินงาน 1Q18 ที่ 131 ล้านบาท (+10%QoQ, +11%YoY) สนับสนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เติบโตสูงกว่า 32%YoY จากการรับรู้การขยายพื้นที่ขายที่ Mega บางนา (อัตราเช่า 100%) และคาดเติบโตต่อเนื่องใน 2Q18 จากการขยายพื้นที่เช่าเพิ่มกว่า 20 ไร่ บริเวณหลัง IKEA ที่ Mega บางนา ถือเป็นหนึ่งใน Theme หุ้น Great earning ที่เราแนะนำในเดือนพฤษภาคม
ในขณะที่ช่วงครึ่งปีหลัง มีการเปิดให้บริการ 3 โครงการใหม่ (นางลิ้นจี่, สุขาภิบาล Phase3, และดุสิตมาร์เก็ตเพลส)
ปัจจุบันซื้อขายระดับ P/BV ที่บริเวณ 1.4x ต่ำกว่ากลุ่มที่ 3.1xพร้อมปันผลสูงกว่า 3.3% คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 10.60 บาท /หุ้น
Trading idea – ทยอยสะสม BJC (เราออกบทวิเคราะห์วันนี้ คาดผลประกอบการเติบโตดี 32%YoY)
Technical View
ควร Rebound แรงๆ และปิดเหนือ 1778: ดัชนียังคงยื้อไม่หลุดแนวรับเส้น Downtrend Line โดยในช่วงท้ายมีแรงซื้อกลับที่โดดเด่น ทำให้กราฟรายวันเกิดแท่งเทียนแบบ Hammer มองว่าวันนี้ดัชนีควรปิดยืนเหนือ 1778 เพื่อคอนเฟิร์มแท่งเทียนแบบ Hammer ในกราฟรายวันและรายเดือน มองแนวต้านถัดไปที่ 1790 และ 1800 ตามลำดับ แต่หากปิดต่ำกว่า 1778 คาดจะเกิดสัญญาณเชิงลบในกราฟรายวันเนื่องจาก MACD มีโอกาสจะตัดลงกลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1770-1800 เน้นขึ้นขาย-ลงซื้อ หากหลุด 1770 แนะนำ Lock Profit 2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนระหว่างวัน หากไม่หลุด 1770 มองเป็นโอกาสซื้อเพื่อเล่น Trading สั้นๆ
แนวรับ : 1770, 1760 แนวต้าน : 1790, 1800
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: การประชุม FED 1-2 พ.ค. / ยุโรปรายงานเงินเฟ้อ 3 พ.ค. / 4 พ.ค. สหรัญรายงานตัวเลขจ้างงาน และค่าแรง
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
AOT (B 71.00-71.50, Tp 72.25//74.00, Cut 70.00)
ADVANC (B 207.00, Tp 215.00, Cut 205.00)
ข่าวเด่น