ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ไซด์เวย์ต่อ ติดตามข่าวสหรัฐฯ-จีนเจรจา และตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ คืนนี้
KGI คาด SET วันศุกร์ไซด์เวย์ต่อ (หลังวานนี้ตลาดหุ้นไทยซื้อขายในกรอบจำกัด แต่แข็งกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย ตามคาด) คาดว่านักลงทุนจะชะลอกิจกรรมต่อเนื่อง เพื่อติดตามปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศ ได้แก่ i) ผลการหารือทางการค้า/การพาณิชย์ระหว่างเจ้าหน้าระดับสูงของสหรัฐฯ และจีน ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ และเราคาดว่ามีโอกาสสูงที่ผลจะออกมาในเชิงบวกต่อตลาด ii) ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ เดือน เม.ย. ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่ตัวเลขค่าจ้างแรงงาน ซึ่ง consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% YoY เท่ากับในเดือน มี.ค. และไม่น่ากดดันให้บอนด์ยิลด์ของสหรัฐฯ ปรับขึ้นแต่อย่างใด ทาง KGI มองว่าภาวะตลาดหุ้นโลกน่าจะดีขึ้นบ้างในสัปดาห์หน้า หลังจากมีความชัดเจนของ 2 ปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ด้านปัจจัยภายใน น่าจะยังอยู่ในช่วงรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2561 ส่งผลให้แรงเก็งกำไรธีมหุ้นงบเด่น ยังเป็นประเด็นการเก็งกำไรหลักของตลาดหุ้นไทย
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร CK*, COM7*, WHA*
CK* (เป้าพื้นฐาน 32.1 บาท) 1) ประเมินราคาหุ้น Laggard ทั้งตลาดฯ และ หุ้นลูกอย่าง BEM*, CKP* ขณะที่ราคาหุ้น Sideway สร้างฐานบริเวณ ±24 บาท MACD และ RSI ยกตัวขึ้นก่อนราคาหุ้น (Bullish Divergence) ประเมินรอสัญญาณซื้อเมื่อ Break ผ่านกรอบแนวต้าน 24.4 บาท หากผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 25.5 บาท (Stop loss 23.6 บาท) / แนวรับ 24 บาท ... วันนี้ขึ้น XD 0.25 บาท 2) สคร.เตรียมยื่นไฟลิ่งเสนอขายหน่วยกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของ กทพ. และคาดจะเสนอขายในช่วง มิ.ย.-ก.ค. นี้ เราประเมินเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ จากเม็ดเงินลงทุนที่จะเข้ามาทำให้โครงการลงทุนต่างๆในอนาคตเริ่มโครงการได้ตามที่ฝ่ายวิจัยฯคาดไว้ใน 2H61
COM7* (เป้า Consensus 20.2 บาท) 1) เราคงมุมมองที่เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกโดยเฉพาะสินค้าไอทีจาก i) การขยายตัวของความต้องการสินค้าไอทีตามนโยบายรัฐฯและยุคดิจิตอล ii) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย.ทำนิวไฮรอบ 40 เดือน iii) ฝ่ายวิจัยฯคาดการบริโภคในประเทศปีนี้จะเติบโตเด่น 2) Consensus ประเมินแนวโน้มกำไร 1Q61 เติบโต 25 - 30% YoY 3) คาดผลการดำเนินงาน 2Q - 3Q จะได้แรงหนุนจากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้งของ HUAWEI (P20 เพิ่งวางขาย ผลตอบรับดี) และ iPhone (คาดเตรียมเปิดตัว iPhone รุ่นราคาประหยัดภายในกลางปีนี้) รวมถึงสินค้าอื่นๆ เช่น iPad สำหรับสถานศึกษา (COM7* ตั้งทีมขายสินค้าเข้าสถานศึกษาตั้งแต่ปีก่อน), Smart Wtach ยี่ห้อต่างๆ เป็นต้น 3) ประเมินแนวรับ 19 บาท / แนวต้าน 19.7 - 19.9 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 18.5 บาท)
WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.6 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 3.92 บาท / แนวต้าน 4.10 บาท หากผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.3 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 3.88 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มกำไร 1Q61 = 639 ล้านบาท (+691% YoY) กำไรที่โตเด่น YoY เป็นผลจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ใน 1Q61 ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้ามีการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าใหม่ ในเดือน ม.ค. และ ก.พ. ที่ผ่านมา ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้า(ตามสัดส่วนการถือหุ้น) เพิ่มขึ้น +7% เป็น 511 MW
หุ้นมีข่าว
(+) บอร์ด TMB* สั่งฝ่ายบริหารศึกษาควบรวม (กรุงเทพธุรกิจ) ประธานบอร์ด"ทีเอ็มบี"มอบหมายฝ่ายบริหารศึกษาแผนควบรวม กิจการ ส่วนจะรวมกับใครให้ขึ้นกับเงื่อนไขและความเหมาะสม ขณะ"ปิติ"ลั่น ไม่ปิดโอกาสควบรวมกิจการ ชี้มาตรการภาษีจูงใจของรัฐ ยิ่งช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น ย้ำเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่แบงก์ไทย ควรมีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมปัดกระแสข่าวเตรียมควบกรุงไทย
(+) NPP มุ่งธุรกิจอาหาร ปีนี้หวังมีกำไร ร่วมทุน TACC ขายของ ซื้อแบรนด์อาหารไทยสู่จีน (โพสต์ทูเดย์) NPP ล้างบ้านปูทางเป็นธุรกิจอาหารเต็มตัว เล็งแยกธุรกิจบรรจุหีบห่อ หวังปีนี้เห็นกำไร ร่วมทุน TACC ตั้งบริษัทใหม่หนุนรายได้ยาว นายศุภจักร ไตรรัตโนภาส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) (NPP) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมล้างบ้าน ลุยโมเดลธุรกิจใหม่ คาดว่าปีนี้จะเห็นผลประกอบการพลิกกลับมาเป็นบวกได้ จากปีก่อนขาดทุน 367 ล้านบาท มองรายได้เติบโตจากธุรกิจเดิม 15% หรืออยู่ที่ 1,300-1,400 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 1,199 ล้านบาท อีกทั้งไม่ต้องตั้งสำรองสูงเหมือนปีที่ผ่านมาแล้ว
(0) MTC รับผลดี พรบ.ฉบับใหม่ ไม่จำกัดดบ. (โพสต์ทูเดย์) เมืองไทยแคปปิตอล รับอานิสงส์ พ.ร.บ.ใหม่ไม่จำกัดเพดานดอกเบี้ย 15% และให้คิดค่าธรรมเนียมได้ต่างหาก นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้มีมาตรการออกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การกำกับดูแลผู้ให้บริการทาง การเงิน โดยได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการ ให้แสดงความเห็นได้ ภายในวันที่ 30 เม.ย. 2561 นั้น
(+) B เป้าโต 2 เท่า พร้อมรุกอี-คอมเมิร์ซ (โพสต์ทูเดย์) B ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 2 เท่าจากปีก่อน หวังมีกำไรจากการ ปรับโครงสร้างธุรกิจ หันเน้นลูกค้าอีคอมเมิร์ซ-พลังงาน นายพงศ์ศิริ ศิริธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี จิสติกส์ (B) หรือชื่อเดิม บริษัท บางปะกง เทอร์มินอล (BTC) เปิดเผยว่า บริษัทปรับโครงสร้างการบริหารเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทางธุรกิจ ซึ่งนอกเหนือจากให้บริการท่าเรือ ลานตู้คอนเทนเนอร์ และคลังสินค้าแล้ว ยังเพิ่มการให้บริการด้านการขนส่งระหว่างประเทศ การดำเนินพิธีการศุลกากร และการบริการจัดการด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น
(+) จอมทรัพย์ทุ่ม 1.42 พันล้าน ซื้อ SUPER 1,250 ล้านหุ้น (ข่าวหุ้น) “จอมทรัพย์” ควักกระเป๋า 1,420 ล้านบาท ดอดซื้อหุ้น SUPER เข้าพอร์ต เม.ย.เดือนเดียวกว่า 1,250 ล้านหุ้น หลังก่อนหน้านี้ประกาศทุ่ม 2 พันล้านบาท เพื่อซื้อ SUPER ตั้งเป้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 20% จับตาซื้อบิ๊กล็อตจาก “ประเดช” เพิ่มอีก
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
CENTEL* (เป้าพื้นฐาน 56.5 บาท) ประเมินรูปแบบแกว่ง Sideway up แนวรับ 51.5 บาท / แนวต้านแรก 53.25 บาท และถัดไปที่ 55 บาท (Stop loss 49 บาท)
ROBINS* (เป้าพื้นฐาน 85 บาท) ประเมินแนวรับ 66 บาท / แนวต้าน 69 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 64.75 บาท)
SGP* (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 30 บาท / แนวต้าน 31.75 บาทและ 32.75 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 29.5 บาท)
DTAC* (เป้าพื้นฐาน 53 บาท) สำหรับนักลงทุนที่ซื้อตามที่เราแนะนำก่อนหน้า พิจารณาแนวต้าน 53.5 บาท หากผ่านได้ แนะนำ "Let profit run" หากไม่ผ่านแนะนำ "ขายทำกำไร"
GULF (เป้าพื้นฐาน 68 บาท) สำหรับนักลงทุนที่ซื้อตามที่เราแนะนำก่อนหน้า พิจารณาแนวต้าน 72 บาท หากผ่านได้ แนะนำ "Let profit run" หากไม่ผ่านแนะนำ "ขายทำกำไร"
NYT (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) ประเมินแนวรับ 6.0 บาท / แนวต้าน 6.15 - 6.40 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 6.0 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มโรงแรม น้ำหนักการลงทุน "มากกว่าตลาดฯ" ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรสุทธิของหุ้นในกลุ่มฯโรงแรม ERW* จะเด่นสุด รองลงมาคือ CENTEL* และคาด MINT* กำไรจะลดลง จากฐานสูงงเกิดจากการขายอสังหาริมทรัพย์ของโครงการที่อยู่อาศัยใน 1Q60 อย่างไรก็ดี พิจารณาจาก Upside เลือก MINT*และ ERW* เป็นหุ้นเด่น
TCAP* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 57.5 บาท จากที่ประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังนี้ 1) เปลี่ยนโครงสร้างสินเชื่อไปเน้นรายย่อยมากขึ้น (ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่ธนาคารมีความได้เปรียบ) และสินเชื่อจดจำนอง และลดความสำคัญของสินเชื่อธุรกิจลง 2) เปลี่ยนโครงสร้างเงินฝากด้วยการเพิ่ม CASA (โดยใช้บัญชีเงินฝากแบบ Two tier เพื่อประหยัดค่าธรรมเนียมการโอนเงิน) 3) streamline เครือข่ายสาขาเพื่อประหยัดต้นทุน อย่างไรก็ดีคาดว่าต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- กรอบราคา 1784 – 1796 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1796 จุดนั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1796-1815 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1784 จุดนั้น อาจกดราคาลงในกรอบ 1784-1765 จุด
แนวรับวันนี้: 1784/1767 แนวต้านวันนี้: 1796/1804
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
ข่าวเด่น