Gold Futures
คาดวันนี้นักลงทุนชะลอการลงทุนรอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรหลังจากวานนี้ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นจากความกังวลผลการประชุมระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่กรุงปักกิ่งประกอบกับการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาอ่อนแอส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ทางเทคนิคเนื่องจากราคาปิดกลับขึ้นมายืนเหนือ 1,312 USD ได้ ทำให้แนวโน้มทองกลับมาอยู่ในกรอบ sideway เดิม และมีโอกาสรีบาวน์ต่อ แนะนำเปิดสถานะ Long เพื่อเล่นรีบาวน์โดยดูแนวต้านแรกที่ 1,325 USD แต่ต้องเทรดอย่างระมัดระวัง ตัดขาดทุนก่อนหากราคาปิดสัปดาห์นี้ต่ำกว่า 1,312 USD
SET50 Futures
SET50 ยังคงอยู่ในแนวโน้มปรับตัวขึ้นระยะสั้นโดยมีการปรับตัวขึ้นแบบ Sideway up แต่อย่างไรก็ตามตลาดยังคงไร้ปัจจัยหนุนใหม่และยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามในวันนี้ได้แก่ผลการประชุมระหว่างสหรัฐฯกับจีนและการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรตาด วันนี้ดัชนี Sideway แนะนำหาจังเปิด Long โดยดูแนวรับที่ 1,180 จุด และดูแนวต้านบริเวณ 1,195 จุด
Fundamental
- การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนซึ่งได้จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งวานนี้เป็นเวลา 2 วันและจะเสร็จสิ้นในวันนี้ โดยคาดว่าการเจรจาจะครอบคลุมประเด็นกว้างๆเกี่ยวกับความไม่พอใจที่สหรัฐฯมีต่อการดำเนินนโยบายการค้าของจีนนับตั้งแต่ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการถ่ายโอนเทคโนโลยี ไปจนถึงการที่รัฐบาลจีนยื่นมือเข้ามาอุดหนุนเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยี
- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 56.8 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 58.8 ในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 58.2
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 211,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 225,000 ราย
- กองทุน SPDR ขายทองคำออก 1.18 ตัน สู่ระดับการถือครองที่ 865.59 ตัน
- ติดตามรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ เวลา 19.30 น.
ที่มา : Bisnews
Gold Futures
แนวรับ 1,312 / 1,307 เหรียญ
แนวต้าน 1,325 / 1,330 เหรียญ
ปัจจัย + : - ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า
- ความกังวลต่อผลการประชุมระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
ปัจจัย - :
ที่มา : Bisnews
SET50 Index Futures
แนวรับ 1,180 / 1,170 เหรียญ
แนวต้าน 1,195 / 1,200 เหรียญ
ปัจจัย + :
ปัจจัย - : - ความกังวลต่อผลการประชุมระหว่างสหรัฐฯกับจีน
ที่มา : Bisnews
ข่าวเด่น