กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Energy Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways ในช่วงครึ่งเช้าได้ตามคาด ก่อนที่ช่วงบ่ายจะเริ่มมีแรงขายออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีซึ่งเป็นตัวนำตลาดในระยะหลัง นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 10 และเร่งขึ้นเป็น 4.1 พันลบ. (และ Short ใน Index Futures ถึง 5.2 พันสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศพลิกมาขายเช่นกัน 1.4 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะรีบาวด์ขึ้นได้นำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและแตะจุดสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่งจากสภาวะอุปทานตึงตัวและโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสหรัฐฯคว่ำบาตราอิหร่านรอบใหม่ภายในวันที่ 12 พ.ค. นี้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานของสหรัฐฯแม้จะออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อยในส่วนจำนวนว่าจ้างและค่าจ้าง แต่ทำให้เป็นเด็นเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ผ่อนคลายลงบ้าง อย่างไรก็ตามเรามองกรอบการบวกในระยะนี้ยังจำกัดบริเวณ 1,800 จุด
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีกำไร 1Q18 แข็งแกร่ง//เก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BEM, CHG, EA, SC, THANI
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$375 เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทยและไต้หวันประเทศละ US$130ล้าน ขณะที่ไหลเข้าฟิลิปปินส์ US$10ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากภูมิภาค เนื่องจากยังต้องติดตามการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ขณะที่การคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ถี่ขึ้นในปีนี้ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยก่อน
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BDMS <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 26 บาท
- คาดกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 2,304 ลบ. +13% Q-Q, +17% Y-Y จากโรคระบาดที่มากขึ้นในปีนี้ทั้งไวรัสโรต้าและพิษสุนัขบ้า
- คาดกำไรปกติทั้งปีที่ 9,121 ลบ. +14% Y-Y จากรายได้ที่โตทั้งผู้ป่วยไทยและต่างชาติ รวมถึงสัดส่วนรายได้กลุ่มลูกค้าประกันที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และการควบคุมต้นทุนได้ดีเยี่ยม
- NVDR ซื้อสุทธิ 3 ไตรมาสติดต่อกันรวม 7 พันลบ. จากที่ขายหนักใน 2Q17 ราว 3.4 พันลบ. และด้วยความที่ค่าเบต้าต่ำเพียง 0.3 เท่า จึงน่าจะเป็นหุ้นทนทานต่อภาวะตลาดผันผวนได้ดี
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯแย่กว่าคาด งวด เม.ย. อยู่ที่ 164,000 คน ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 195,000 คน และค่าจ้างแรงงานเพิ่ม 0.15% M-M น้อยกว่าคาดที่ 0.2% M-M แต่อัตราการว่างงานลดลงต่ำสุดในรอบ 18 ปี เหลือเพียง 3.9% หนุน Dollar Index และ Bond Yield ขึ้นเล็กน้อย แต่ที่ตลาดสหรัฐฯขึ้นแรง มาจากหุ้น Apple ที่ทำจุดสูงสุดใหม่ และหนุนหุ้นเทคโลยีอื่นขึ้นแรงตาม ซึ่งน่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นเทคโนโลยีในตลาดเอเชียได้เช่นกัน
(+) สศช. ไฟเขียวรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มูลค่ากว่า 8.5 หมื่นลบ. หลังจากนี้จะทบทวนงบประมาณและนำเสนอ ครม. เพื่อเปิดประมูลต่อไป นอกจากนี้ สศช. ยังพิจารณาอีกหลายโครงการ เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนและแดงเข้มส่วนต่อขยาย และรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 รวมมูลค่ากว่า 2 แสนลบ. คาดเปิดประมูลทั้งหมดทันปีนี้ ถือเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มรับเหมาที่ laggard ตลาดอยู่มาก โดย -19% YTD ขณะที่ SET +2% YTD แนะนำซื้อ SEAFCO (TP 10.1) STEC (TP 23) CK (TP 40) และ PPS (TP 2.1)
(0) ค่าใช้จ่ายช่วงเปิดเทอมเร่งตัวขึ้น ผลสำรวจของก.พาณิชย์ระบุว่าค่าใช้จ่ายอุปกรณ์การเรียนและค่าเทอมเพิ่มเฉลี่ย 1-3% อาจฉุดกำลังซื้อเพื่ออุปโภค-บริโภคระยะสั้น แต่จะเป็นบวกกับธุรกิจสินเชื่อเงินด่วน เรายังชอบ MTC มากสุดในกลุ่ม จากแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q18 ที่จะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 51 บาท
(0) IRPC รายงานกำไรปกติ 1Q18 ที่ 2.27 พันลบ. +15% Q-Q, +175% Y-Y จากปริมาณการผลิตต่อวันเพิ่มขึ้น +3% Q-Q และ +84% Y-Y และค่าใช้จ่ายพนักงานที่ปรับตัวลง Q-Q จากผลของฤดูกาล โดยกลุ่มปิโตรเคมีปรับตัวขึ้นตามราคาตลาดโลก ส่วน GIM ลดลงเล็กน้อย -2% Q-Q , -10% Y-Y จาก crude premium ที่ปรับตัวขึ้น แม้ว่ากำไร 1Q18 จะคิดเป็น 20% ของคาดการณ์กำไรทั้งปี แต่เรายังคงประมาณการเดิม เนื่องจาก Spread ในกลุ่มปิโตรยังคงแข็งแกร่ง และ Crude Premium เริ่มขยับตัวลง อีกทั้งโรงงาน PPC จะสามารถทำกำไรได้เต็มที่ใน 3Q18 เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9 บาท
(0) BBL เราคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการยกเว้น Mobile-banking fee น้อยกว่าแบงก์ใหญ่รายอื่น โดยจากที่ประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหารเผยว่า รายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลว่าอยู่ที่ราว 3-4% ของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ และแม้จะกดดันอยู่บ้าง แต่ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่ 5-10% Y-Y อย่างไรก็ตาม Bancassurance fee ยังมาไม่เต็มที่ใน 2Q18 ดังนั้นแนวโน้มกำไร น่าจะชะลอตัว Q-Q แม้เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเหมาะสมปีที่ 230 บาท แต่ธนาคารขนาดใหญ่ทั้งหมดขาด catalyst ระยะสั้นจากประเด็นการลดค่าธรรมเนียมการโอน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรีบ โดยธนาคารขนาดเล็กอย่าง KKP และ TISCO ดูมีความน่าสนใจกว่า
(0) TPIPP กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 754 ลบ. +37% Q-Q, +8% Y-Y ดีกว่าตลาดคาด แต่กำไรปกติ 589 ลบ. -1% Q-Q, -3% Y-Y ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ราว 650 ลบ. Gross margin ดีขึ้น Q-Q แต่ภาษีจ่ายเพิ่ม Q-Q, Y-Y และค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มมาก Y-Y หักล้างยอดขายที่เพิ่ม 16% Y-Y แนวโน้มกำไรปกติ 2Q18 ดีขึ้น หลังโรงไฟฟ้าขยะ TG6 (70MW) และ TG4 (30MW) เริ่ม COD วันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus ที่ 8 บาท และคาดปันผลในระดับ 4-5% ต่อปี
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7 พ.ค.
|
- อินโดนีเซีย: 1Q18 GDP
|
8 พ.ค.
|
- จีน: ดุลการค้า (เม.ย.)
|
21 พ.ค.
|
- ไทย: 1Q18 GDP
|
23 พ.ค.
|
- ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติ กม. ลูก เลือกตั้ง ส.ว. และ ส.ส.
|
- (+) ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้น จากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากบรษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ประกาศสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทแอปเปิ้ลเพิ่มขึ้นอีก 75 ล้านหุ้นในไตรมาสที่ 1
- (+) ตลาดยุโรปปรับตัวดีขึ้นตามฝั่งสหรัฐ หลังอัตราการว่างงานในสหรัฐปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2018
- (0) ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน หลังนักลงทุนยังรอดูทีท่าจากทางฝั่งสหรัฐและจีนหลังจบการเจรจาเรื่องสงครามทางการค้าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
- () ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักของโลก ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.70-31.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
- (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 69.72 ดอลลาร์/บาเรลล์ หลังใกล้ถึงกำหนดเส้นตายของสหรัฐในการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านในวันที่ 12 พ.ค. นี้
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.00 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,314.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเด่น