ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นบวกต่อตลาดรวม
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 70 เหรียญสหรัฐฯ สูงกว่าที่คาดการณ์ค่าเฉลี่ยทั้งปีที่ 62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ติดตามตัวเลขกำไรของ บจ.ที่ประกาศในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะกลุ่ม PTT และ ADVANC ขณะที่ PTTGC ประกาศกำไรสุทธิต่ำกว่าเราคาดการณ์ประมาณ 6.57% แต่แนวโน้มกำไรทั้งปีคาดว่ายังดีตามประมาณการของเรา วันนี้ MTC ประกาศงบการเงินคาดว่าออกมามีอัตราการเติบโตที่ดี กำไรไตรมาส 1/61 คาดว่าทำนิวไฮ กรอบดัชนีวันนี้ 1,769-1,787 จุด หุ้นแนะนำ MTC, PTTEP, PTTGC
Stock Comment
MTC Pick of the day
PTTEP ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อในไตรมาส 2/61
PTTGC ประกาศกำไรสุทธิต่ำกว่าคาด 6.57% เนื่องจากธุรกิจในสายโรงกลั่นและอะโรเมติกส์มีสเปรดที่อ่อนตัวลง โดยเฉพาะ Butadiene ซึ่งราคาในปีนี้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) อย่างมาก แต่สเปรดในสายโอเลฟินส์ ทั้ง HDPE และ PP ยังคงแข็งแกร่งต่อในไตรมาส 2/61
หุ้นเด่นวันนี้ : MTC (ราคาปิด 37.50 บาท; ซื้อ; AWS TP: 50.00 บาท)
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/61 ของ MTC จะทำนิวไฮรายไตรมาสอีกครั้งที่ 809 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% QoQ และ 50.9% YoY หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่ออย่างแข็งแกร่งที่ 10.0% QoQ และ 50.9% YoY ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 1/61 จำนวนสาขาอยู่ที่ 2,638 สาขา เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2560 ที่ 2,424 สาขา เราคาดบริษัทจะเปิดสาขาเพิ่มทั้งหมดราว 600 สาขาในปี 2561 นอกจากนี้ เราชื่นชอบ MTC จากคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งมาก ด้วย NPL ratio ที่ทรงตัวในระดับต่ำที่ 1.2% และสัดส่วนการตั้งสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ที่สูงถึง 265.4% (ณ สิ้นปี 2560) เราคาดสินเชื่อ MTC ปีนี้จะขยายตัว 40% เราประมาณการ EPS จะเติบโต 42.3% ในปี 2561 และ 34.7% ในปี 2562 MTC มีกำหนดประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/61 วันนี้ (8 พ.ค.)
Price Pattern ของ MTC แม้ว่าจะยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิด Monthly Sell Signal แต่ Price Pattern ของ MTC ทั้งในระยะสั้นและระยะกลางกลับมีความแข็งแกร่งจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ MTC มีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 39 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 40.25 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ MTC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 34.75 บาท (Resistance: 38.00, 38.50, 39.00; Support: 37.25, 36.75, 36.25)
ปัจจัยในประเทศ :
- IFRS 9 อาจมีการเลื่อนใช้ คณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) จะมีการพิจารณาข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ให้เลื่อนการบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS 9 จากวันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็น 1 ม.ค. 2565 ภายในเดือน พ.ค. นี้ (ข่าวหุ้น) ความเห็น: เรามองว่าการเลื่อนวันบังคับใช้อาจให้ Sentiment บวกต่อกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงิน เนื่องจากบริษัทสามารถทยอยตั้งสำรองโดยไม่มีแรงกดดันมากนัก อย่างไรก็ตาม เราคาดกลุ่มธนาคารใน SET ส่วนใหญ่มีความพร้อมที่จะใช้ IFRS 9 ถึงแม้จะไม่มีการเลื่อนวันก็ตาม หลังจากที่กลุ่มธนาคารได้เร่งตั้งสำรองในช่วงปีก่อนๆ
- COM7 (ราคาปิด 19.20 บาท; NA; IAA Consensus: 20.50 บาท) ร่วมมือกับ KBANK (ราคาปิด 192.50 บาท; BUY; AWS TP: 237 บาท) เพื่อขยายสาขาร่วมกันในร้าน BANANA โดยรูปแบบของสาขาที่ร่วมมือกันจะนำเสนอทั้งบริการสินค้าปลีกไอทีและบริการธุรกรรมทางการเงินในสาขาเดียวกัน (ข่าวหุ้น) ความเห็น: เรามองว่าการร่วมมือครั้งนี้จะส่งผลดีทั้ง 2 บริษัท ทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง และการขยายสาขาได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ สำหรับ KBANK ธนาคารสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นโดยไม่ต้องขยายสาขาในรูปแบบดั้งเดิมที่มีต้นทุนสูงอีกด้วย
- ธนาคารออมสินได้จัดสรรเงินลงทุน 2,000 ล้านบาทในช่วงสองปีข้างหน้าเพื่อลงทุนในธุรกิจ SMEs และโครงการร่วมทุนภายใต้แผนสนับสนุนที่คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่า 15% โดยปีนี้ทางธนาคารได้มีการอนุมัติร่วมลงทุนไปแล้ว 10 ราย คิดเป็นวงเงิน 279 ล้านบาท (The Nation) ความเห็น: การลงทุนครั้งนี้จะเป็นเครื่องมือช่วยในการเพิ่มพูนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเนื่องจากปัจจุบันธนาคารมีรายได้จากการเก็ยค่าธรรมเนียมบริการจากลูกค้าน้อยลง
ตลาดต่างประเทศ :
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 94.81 จุด หรือ +0.39% ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 55.60 จุด หรือ +0.77% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 9.21 จุด หรือ +0.35% ได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ว่าจะตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านหรือไม่
- ตลาดหุ้นยุโรป : ปิดบวกโดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเนสท์เล่ หลังจากบริษัทประกาศทำข้อตกลงทางธุรกิจร่วมกับสตาร์บัคส์
สินค้าโภคภัณฑ์ :
- ราคาน้ำมันดิบ : WTI พุ่งขึ้น 1.01 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หรือ 1.5% ปิดที่ 70.73 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดจากการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐฯ อาจคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของทรัมป์ว่าจะตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านหรือไม่
- US Dollar : DXYO แข็งค่าแตะระดับสูงสุดที่ 92.974 จุด ปัจจุบันอ่อนตัวลงมาเล็กน้อยที่ 92.725 จุด ขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า อัตราว่างงานเดือน เม.ย.ของสหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.43 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่ง และอาจเป็นปัจจัยหนุนให้เฟด เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้
ข่าวเด่น