ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน คาดยังมีความผันผวน (09/05/61)


 ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้

  (+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +2.89, NASDAQ +1.69, S&P -0.71, FTSE -1.39, CAC -9.49 และ DAX -35.93
ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน หลังสหรัฐฯ ประกาศจะถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ลงนามเมื่อปี’58 ระหว่างอิหร่าน และกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐฯ และเยอรมนี ซึ่งไม่สามารถทำให้อิหร่านยุติการพัฒนาอาวุธนิเคลียร์หรือการสนับสนุนผู้ก่อการร้ายในภูมิภาคได้
  พร้อมกับจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่รุนแรงต่ออิหร่านอีกครั้ง อย่างไรก็ตามยังไม่มีการระบุช่วงเวลา ที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่าน และขนาดความรุนแรงของมาตรการคว่ำบาตรในครั้งนี้เช่นกัน
  ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อม – เม.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 0.1 อยู่ที่ 104.8 ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2 จุด
  ส่วนนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวในการประชุมที่สวิตเซอร์แลนด์ วานนี้ว่า การเริ่มดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของเฟดและธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ไม่น่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจกลุ่มตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากคาดว่ากลุ่มประเทศดังกล่าวสามารถควบคุมดูแลและรับมือได้
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยกดดันจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการก่อนทราบการตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่ประกาศจะถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

   ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$1.67 อยู่ที่ US$69.06 ต่อบาร์เรล หลังสหรัฐฯ ประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน พร้อมประกาศคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ แต่ยังไม่ได้ระบุช่วงเวลาการคว่ำบาตรที่ชัดเจน และไม่ได้ระบุขนาดความรุนแรงของการใช้มาตรการคว่ำบาตรเช่นกัน
  ขณะที่ล่าสุด คาดว่าสหรัฐฯ ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านครั้งนี้ อาจไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของอิหร่านมากนัก
  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$0.4 อยู่ที่ US$1,313.7 ต่อออนซ์ ยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่า ซึ่งทำให้ความน่าสนใจสัญญาทองคำลดลง โดยสัญญามีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,868 ล้านบาท ยอดสะสม   -92,330 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท และปี’60 ขายสุทธิสะสม 25,755 ล้านบาท)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 9 - 11 พ.ค. 61
9/5/61 สหรัฐฯ เปิดเผย
  (1) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.
  (2) สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค.
  (3) สต็อกน้ำมัน 

10/5/61 สหรัฐฯ เปิดเผย
  (1) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.
  (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

11/5/61 สหรัฐฯ เปิดเผย
  (1) ราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย.
  (2) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.

ทิศทางตลาด
  คาดยังมีความผันผวน? คาดมีโอกาสฟื้นตัวหลังปรับลดลงเกือบ 20 จุดวานนี้ แต่การปรับขึ้นคาดยังอยู่ในกรอบจำกัด หลังสหรัฐฯ ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน (วานนี้) พร้อมกับจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ต่ออิหร่านอีกครั้ง อย่างไรก็ตามยังไม่มีการระบุระยะเวลาที่ชัดเจนและมาตรการที่จะนำออกมาใช้ แต่คาดอาจส่งผลบ้างต่อปริมาณการผลิตและส่งออกน้ำมันจากอิหร่าน ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันในระยะกลาง – ยาว และคาดยังเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะในช่วงราคาปรับลดลง (Sell on Fact) หลังมีการเข้าเก็งกำไรก่อนหน้าภายใต้ประเด็นข้างต้น
  
  และยังแนะติดตามการประชุมเฟด (12 – 13/6/61) หลังอัตราเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายที่ 2.0% พร้อมการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อยู่ในความคาดหมายของเฟด ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมตลาดหลังจากนี้จนถึงการประชุมเดือนหน้า
  ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ ยังอยู่ในช่วงประกาศผลการดำเนินงาน ที่คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงกลางพ.ค. แต่ (-) Fund Flow คาด Sentiment เป็นลบเพิ่มขึ้น หลังต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่อง YTD ยอดขายสุทธิสูงกว่า 92,000 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทกลับมาอ่อนค่าต่อเนื่อง ล่าสุดเช้านี้ 32.05 -32.07 บาท
  ทางด้านการเมือง โดยเฉพาะจากการยื่นร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ อาจส่งผลต่อ Road Map เลือกตั้งในเดือนก.พ.’ 62
  อย่างไรก็ตามในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับ Sentiment บวกจากความคืบหน้าโครงการ EEC ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอประกาศใช้เป็นกฎหมาย คาดส่งผลดีต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ภายใต้โครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน รวมถึงล่าสุด รมว.คมนาคม คาดในเดือนพ.ค. - มิ.ย.นี้ เสนอครม. เพื่อขออนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่คาดว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ และงานเดินรถ จะรวมเป็นรูปแบบ PPP และเตรียมจะเสนอ ครม.ได้ประมาณ 3Q/61

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (2) กลุ่มพลังงาน ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น เช่น PTT, PTTEP, BANPU และ SPRC เป็นต้น
  (3) กลุ่มสื่อ ได้รับประโยชน์จากรายได้ค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นโดดเด่น เช่น MONO
  (4) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เช่น CENTEL, ERW และ SPA เป็นต้น
  (5) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT และ PSL จากค่าระวางเรือ และ BTS จากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย
  (6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากโครงการ EEC ที่มีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ คาดได้รับประโยชน์จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน
  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.97% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.04 อยู่ที่ 14.71
  หุ้นแนะนำ : HANA


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 พ.ค. 2561 เวลา : 09:47:27

24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 5:09 pm