สภาวะตลาดวันที่ 09 พฤษภาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,303.83-1,316.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,900 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,850 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM18 อยู่ที่ 19,970 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 70 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,900 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.25 น. ของวันที่ 09/05/61)
แนวโน้มวันที่ 10 พฤษภาคม 2561
ข้อมูลจากบริษัท GFMS ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านโลหะมีค่า บ่งชี้ว่าการนำเข้าทองคำของอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่ใช้ทองคำอันดับสองของโลก นำเข้าทองคำลดลงในเดือนเม.ย. จากที่อินเดียเคยนำเข้าทองคำ 93.6 ตันในเดือนเม.ย.2560 แต่ยอดนำเข้าทอง เหลือเพียง 57 ตัน ในเดือนเม.ย.2561 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ปริมาณการซื้อทองในตลาดส่งมอบปัจจุบันที่ซบเซาแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนต้องการชะลอการตัดสินใจลงทุนทองคำแบบเชิงรุก เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐของเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาออกดี สนับสนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แต่ธนาคารกลางขนาดใหญ่ อาทิ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ยังคงดำเนินนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายทางการเงิน ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ-ยูโรโซนจึงกว้างขึ้น ประกอบกับข้อมูลบ่งชี้ว่าทิศทางเศรษฐกิจยูโรโซนยังคงมีแนวโน้มอ่อนแอ จึงสร้างแรงขายกดดันค่าเงินยูโรมากขึ้น นอกจากนี้ ประธานาธิบดี เซอร์จิโอ มัตตาเรลลา ของอิตาลีเรียกร้องให้พรรคการเมืองต่างๆที่ขัดแย้งกันดำเนินการภายใต้ “รัฐบาลที่เป็นกลาง” ซึ่งพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สุด 2 พรรคในอิตาลี อย่างพรรคขวาจัด “League” และพรรคต่อต้านขั้วอำนาจเก่า “5-Star Movement” คัดค้านความคิดนั้น ซึ่งทำให้มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ในระยเวลาอันใกล้ ขณะที่ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ แม้ว่าปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างประเทศกับอิหร่าน แต่ประเด็นนี้ยังกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้ไม่มากนัก เพราะชาติพันธมิตรในยุโรปไม่ได้มีการถอนตัวตามสหรัฐ นักลงทุนจับว่าสหรัฐจะสามารถใช้มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านได้มากน้อยเพียงไร และอิหร่านจะมีท่าทีตอบโต้ออกมาในรูปแบบใด ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐจะดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎข้อบังคับในข้อตกลงอิหร่านเดิมที่ทำในสมัยของคุณโอบามา ในช่วง 90-180 วันข้างหน้า ซึ่งต้องติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวเพื่อใช้เป็นปัจจัยชี้นำราคาทองคำ
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวต้านโซน 1,326 ดอลลาร์ต่อออนซ์จะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่าจะเกิดแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นให้ราคาดีดกลับขึ้นอีกครั้ง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,317-1,326 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยืนเหนือแนวต้านไม่ได้ต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมาอาจทำให้ราคาย่อตัวลงสู่แนวรับ สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคง ถือเป็นจุดซื้อเก็งกำไรระยะสั้น แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,294 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามคาดการณ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,302 (19,750บาท) 1,294 (19,600บาท) 1,286 (19,500บาท)
แนวต้าน 1,317 (20,000บาท) 1,326(20,150บาท) 1,337 (20,300บาท)
GOLD FUTURES (GFM18)
แนวรับ 1,302 (19,900บาท) 1,294 (19,780บาท) 1,286 (19,660บาท)
แนวต้าน 1,317 (20,140บาท) 1,326(20,270บาท) 1,337 (20,440บาท)
ข่าวเด่น