ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบ (10/05/61)


 Market summary

  เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบ โดยในช่วงเช้ามีแรงขายทำกำไรเด่นในกลุ่มธนาคารนำโดย BBL, KTB, SCB และกลุ่ม ICT อย่าง ADVANC และ TRUE คาดกังวลเรื่องการประมูลคลื่น 1,800 Mhz อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่ม Leasing อีกครั้งอย่าง SAWAD, MTC และเกิด Technical rebound ในกลุ่มพลังงานและปิโตรนำโดย PTT, PTTEP, PTTGC, IVL และโรงกลั่นอย่าง IRPC, ESSO  ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,756 จุด (-3.35จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.9 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับเมื่อวานที่ 6.0 หมื่นล้านบาท   
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 1,839 ล้านบาท (MTD – 14,602 ล้านบาท)พร้อมกลับมาเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 8,420 สัญญา  

Investment theme
  หลายปัจจัยสนับสนุนให้ Dollar แข็งค่า:  3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นกว่า 4.3% เป็นเหตุจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่รายงานออกมาในเกณฑ์ที่ดี โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อที่เข้าใกล้เป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐที่ 2.0% และอัตราการว่างงานต่ำสุดในรอบ 18 ปี ที่ 3.9% ส่งผลให้ตลาดกังวลถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Policy rate ที่มีโอกาสสูงกว่าตลาดคาดอีกหนึ่งครั้งในช่วงเดือนกันยายน และอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่เป็นตัวผลักดันดอลลาร์ ได้แก่ การลดยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐเดือนมีนาคมลดลง 15% ต่ำสุดในรอบ 8 เดือนที่ 4.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนหนึ่งเกิดจากการลดยอดขาดดุลจากประเทศจีนลงกว่า 11.6% เหลือ 2.59 หมื่นล้านเหรียญ อีกทั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐได้เจรจากับประเทศจีน ใจความสำคัญมุ่งไปที่การลดยอดขาดดุลการค้าลงกว่า 2.0 แสนล้านเหรียญ ในปี 2020 จากปัจจุบันที่ระดับสูงกว่า 3.75 แสนล้านเหรียญ นั่นหมายถึงโอกาสที่ค่าเงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง โดยประเด็นดอลลาร์กลับมาแข็งค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น ถือเป็นต้นทุนการลงทุนที่สูงขึ้น ดังนั้นในระยะกลาง เรามองว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบแคบ จนกระทั่งมีปัจจัยสนับสนุนใหม่จากทั้งต่างประเทศและในประเทศเข้ามาสนับสนุน 
  Investment Theme:  แนะถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 30% พร้อมเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน และหลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มที่ยังมีความเสี่ยง (ธนาคาร, โรงกลั่น)

Big issue
  เมื่อคืนที่ผ่านมา – รมว.คลังแนะทุกฝ่ายศึกษา IFRS9 ก่อนประกาศใช้จริง พร้อมระบุไม่กระทบการเปลี่ยนสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ  / Mahatair Mohamad พลิกชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงประมาณ 112-115 จาก 222 เสียง ขึ้นเป็นนายกมาเลเซีย ส่งผลให้ค่าเงิน Ringgit และ ETF ผันผวนสูงมาก / สหรัฐรายงาน PPI ต่ำกว่าคาดที่ 0.1% และรายงานตัวเลข สต๊อกน้ำมันดิบลดลงกว่า 2.1 ล้านบาร์เรล

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนรับมือ  Capital outflow 
  ปัจจุบันเราพบว่า มีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นฝั่งเอเชียสูงนำโดยประเทศ ไต้หวัน,เกาหลีใต้, อินโดนีเซียและไทย ส่วนหนึ่งเกิดจาก Dollar index ที่กลับมาแข็งค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น ถือเป็นต้นทุนการลงทุนที่สูงขึ้น 
  เรามองกรอบแนวรับ SET บริเวณ 1,760 และ 1,730 จุด โดยหากอ้างอิงจากค่าเฉลี่ยตลาดหุ้น PER 5 ปีย้อนหลังพบว่าอยู่บริเวณ 1,690 จุด ปัจจุบันหุ้นหลายกลุ่มในตลาดตอนนี้เผชิญกับความเสี่ยง และมี Downside นำโดยกลุ่มธนาคาร, กลุ่มโรงกลั่น, กลุ่ม TV Digital และอื่นๆ ในขณะที่ปัจจุบันขาดกลุ่มที่มีปัจจัยบวกอย่างมีนัยยะในการพยุง SET
  อย่างไรก็ตาม เราแนะซื้อกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CPN) และ รถไฟฟ้า (BTS) เมื่อราคาอ่อนตัวบริเวณ 9.10 บาท และกลุ่มอาหารที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาทและคาดผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 2 เป็นต้นไป (คาดงบ1Q อ่อนตัว แต่เป็นโอกาสซื้อ) เช่น TKN  แนะทยอยสะสม 
  กลุ่มพลังงาน สามารถเก็งกำไรระยะสั้น โดยมองว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาส Sideway Up ถึงช่วงการประชุม OPEC แนะสะสม PTT, PTTEP

Technical View


  แกว่งตัวกรอบที่แคบลง เพื่อพยายามหยุดลง:  แรงซื้อกลับจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ทำให้ดัชนีพยายามหยุดลงที่แนวรับ 1755 โดยลดกรอบการแกว่งให้แคบลง แต่เนื่องจากแนวโน้มหลักขณะนี้เป็นขาลง จึงมองว่าดัชนีจะหยุดลงเพื่อ Rebound ในกรอบเท่านั้น แนะนำให้พิจารณาแนวต้านเป็นขั้นๆที่ 1770 และ 1785 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามมุมองจะเป็นลบมากขึ้นหากดัชนีปิดหลุด 1755 ขณะนี้จึงยังแนะนำจำกัดการลงทุนและเล่นเพียง Rebound สั้นๆ กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ระยะสั้นหากยืน 1755 แนะนำเล่น Rebound สั้นๆ หากหลุด Low ที่ 1750 แนะนำ Stop Loss 2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มที่แนวรับ จนกว่าดัชนีจะหยุดลง การ Trading แนะนำเป็นการเล่น Rebound สั้นๆ
  แนวรับ : 1740, 1725 แนวต้าน : 1770, 1785

Keep an eye on...
  ปัจจัยต่างประเทศ: Trump เดินทางเยือนเกาหลีใต้ 22 พ.ค. 
  ปัจจัยในประเทศ: -

หุ้นเทคนิค:
  PTT (B 55.00-56.00, Tp 57.50//59.00, Cut 54.50)
  IVL (B 59.50, Tp 63.00, Cut 58.50)


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 10 พ.ค. 2561 เวลา : 09:32:56

24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 5:03 pm