Market Summary 09/05/2018
Close
|
1,756.90
|
Volume
|
Bt59,515M
|
Change
|
-3.35
|
P/E
|
18.08
|
%Change
|
-0.19%
|
P/BV
|
2.04
|
หุ้นแนะนำพิเศษ
IRPC Analyst meeting มุมมอง neutral
- บริษัทคาดราคาน้ำมันดิบเครื่องไหวในกรอบ 65-70$/bbl เนื่องจากได้แรงหนุนจากกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกที่ยังคงร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง และโรงกลั่นในต่างประเทศกลับมากลั่นตามปกจากที่ไตรมาสก่อนหยุดซ่อมบำรุง อีกทั้งการคว่ำบาตรอิหร่านจะทำให้อุปทานในตลาดโลกลดลงราว 1 ล้านบาร์เรล
- คาดค่าการกลั่นไตรมาส 2/61 จะอ่อนตัวลงตามน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวลงจากจีนมีการส่งออกในระดับสูง ขณะที่น้ำมันเบนซินอาจปรับตัวขึ้นจากเข้าสู่ช่วง driving season ในสหรัฐ
- ผุ้บริหารวางเป้า EBITDA 2.9 หมื่นล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากโครงการeverest gasoline max และ catalyst cooler นอกจากนี้บริษัทกำลังศึกษาการลงทุนโครงการ Maximun Aromatic(MARS) ใช้เงินลงทุนราว 1 พันล้านเหรียญ คาดหวัง IRR 13-15% โดยโครงการดังกล่าวจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจาก 15% สู่ 25% คาดว่าจะแล้วเสร็จ 4Q65
Market View : ไปไหนไม่ไกล
หุ้นแนะนำพิเศษ : IRPC
หุ้นมีข่าว : COMAN TU MOONG SUN
Technical Insight : VTE EGCO
ภาวะตลาดหุ้นวานนี้ แกว่งตัวทั้งแดนลบและแดนบวก หลังสหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านหนุนราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ ทำให้กลุ่ม ENERG เป็นกลุ่มหลักที่ผลักดันตลาดวานนี้ แต่ยังถูกหักล้างด้วย ICT และ BANK ท่ามกลาง Fund flow ที่ยังคงไหลออกจากค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง เป็นผลให้ SET Index ปิดที่ 1,756.90 จุด (-3.35 จุด) Volume 5.95 หมื่นลบ. ทั้งนี้เป็น Foreign Net -1,839.07 ลบ. TFEX Net -8,420 สัญญา ตราสารหนี้ -44.73ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดปรับตัวขึ้นโดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันทะยานขึ้น 3% อันเนื่องจากสหรัฐประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและเตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่
+น้ำมันพุ่งแรงแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง กังวลสหรัฐฯกลับมาคว่ำบาตรอิหร่าน หลังถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์
+ซาอุฯย้ำคำมั่นรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน ร่วมมือชาติพันธมิตรต่อกรภัยคุกคามจากอิหร่าน
+ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐขยับขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน
+สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 9.41 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทอยู่ที่ 32.15 บาท/USD
**จับตาการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
ภาวะตลาดหุ้นไทยแม้ได้ปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับขึ้นและราคาน้ำมันพุ่งแรง แต่ยังมีปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ที่ผันผวน และค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วมาก นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิต่อเนื่อง คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,752-1,768 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- PTTEP PTTGC ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 71.14 $/bbl
- PSL TTA ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นสู่ 1,465 จุด +11% ใน 7 วันที่ผ่านมา
- หุ้น MAI ที่คาดว่าผลประกอบการเติบโต SPA XO MGT
- BANPU ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นสู่ 101$/Ton +9% ในช่วง 11 วันที่ผ่านมา
- คาด KTC BEAUTY GULF เข้าคำนวณดัชนี MSCI และลุ้นเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย (ที่มา ข่าวหุ้น)
- กลุ่มสินค้าส่งออก KCE DELA HANA GFPT TU XO TFG BR ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน 32.15 บาท/USD
หุ้นมีข่าว
- ประเด็นลบกลุ่มแบงก์ : “อภิศักดิ์” สั่งแบงก์ชาติ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต. หารือคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) เลื่อนบังคับใช้ IFRS9 หรือผ่อนปรนเกณฑ์ ตามข้อเสนอของกกร. หวั่นกระทบธุรกิจเอสเอ็มอีหนัก แบงก์ไม่กล้าปล่อยกู้หรือขึ้นดอกเบี้ย เหตุตั้งสำรองสูง ด้าน ธปท.เตรียมขวาง ลั่นแบงก์มีความพร้อม เสนอแก้ไขเฉพาะส่วนที่มีผลกระทบ
- ความเห็น กรณีธปท.เตรียมทักท้วงการเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชี IFRS9 แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเลื่อนหรือไม่ อาจทำให้เกิดแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ปรับขึ้นแรงในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยยังต้องติดตามผลการหารืออย่างใกล้ชิด ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์เป็น “Neutral” เน้นหุ้นปันผลสูงได้แก่ TISCO KKP
- COMAN (Neutral) รายงานกำไร 1Q61 ที่ 3.4 ล้านบาท -39%YoY แม้ว่ารายได้จะเติบโต 58% สู่ 31.5 ล้านบาท แต่ถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวขึ้นตามการขยายงาน อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการเข้าซื้อหุ้น 87.5% ของบริษัทวินสตาร์เทค(ผู้พัฒนาโปรแกรมบริหารสนามกอล์ฟ) ด้วยเงินลงทุน 28 ล้านบนาท ขณะเดียวกันได้ขายหุ้นบริษัท MSL คืนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดมูลค่า 115 ล้านบาทเพื่ออกจากธุรกิจพัฒนาโปรแกรมเป็นโปรเจคที่บริษัทไม่มีความชำนาญ
- TU (ราคาปิด 18.70 บาท Bloomberg Consensus 20.84 บาท)
- เป็นอีก 1 ในผู้ประกอบการกลุ่มส่งออก (รายได้กว่า 90%) ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่ทยอยอ่อนค่า โดย QTD อ่อนไปกว่า 3.15% แล้วมาอยู่ที่ 32.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
- นอกจากนี้ ภาวะราคาทูน่าที่อ่อนตัวลงกว่า 22.5% QoQ ในงวด 1Q61 ยังไม่สะท้อนลงไปในอัตรากำไรขั้นต้น เนื่องจากบริษัทยังมีสต๊อกคงค้างจากงวดก่อหน้าอยู่บางส่วน จึงน่าจะมาสะท้อนในงวด 2Q61 นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จในการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์แบรนด์ในตลาดยุโรปและอเมริกา โดยราคาใหม่จะมีผลบังคับใช้ในไตรมาส 2/2561 (จากคำอธิบายผู้บริหาร) เป็นผลให้แนวโน้มผลประกอบการ 2Q61 น่าจะสดใส
- โดยรวม แนะนำให้ “ซื้อเก็งกำไร” หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมากว่า 8.3% ในรอบ 2 เดือน (หลังรายงาน 4Q60) สะท้อนผลประกอบการในงวด 1Q61 ที่ตกต่ำมากไปแล้ว Bloomberg Consensus ยังคาดการณ์ Upside 11.4%
- MOONG (ราคาปิด 5.10 อยู่ระหว่างการปรับประมาณการและราคาเหมาะสม) รายงานกำไร 1Q61 ที่ 32.2 ลบ. +23%QoQ และ +70%YoY เนื่องจากบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 205 ลบ. +11.4%YoY เพิ่มขึ้นจากช่องทางเวปไซต์ และการส่งออกไปประเทศลาว และสามารถควบคุม COGS ที่เพิ่มขึ้นเพียง 90.8 ลบ. +6.5%YoY และได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ 23.7 ลบ. +57.2%YoY
- ความเห็น : การมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายขึ้น ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มรายได้ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทร่วมสร้างยอดขายได้มากขึ้น และบริษัทแม่สามารถทำกำไรจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายได้ต่อเนื่องขึ้น
- AGE (ราคาปิด 1.50 บาท ซื้อสะสม ราคาเหมาะสม 1.73 บาท)
- รายงานกำไรงวด 1Q61 ออกมาอยู่ที่ 32.7 ล้านบาท เติบโต 195%YoY โดยมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 13.6 ล้านบาท และมีค่าเสียหายจากคดีฟ้องร้องราว 30.3 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้รายได้ยังเติบโต 26.61%YoY มาอยู่ที่ 1.59 พันล้านบาท ตามปริมาณจำหน่ายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น 43%YoY อย่างไรก็ตามด้วยการเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายไปต่างประเทศแบบเป็นล๊อตที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากที่ 10.9% มาอยู่ที่ 12.2%
- กำไรงวด 1Q61 ดังกล่าวแม้คิดเป็นเพียง 17% ของประมาณการ แต่หากอิงเฉพาะกำไรปกติ คิดเป็นสัดส่วนถึง 26% พร้อมคาดว่าเป็นจุดที่ต่ำสุดของปีแล้ว แม้ยังคงต้องติดตามยอดขายที่ประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่องซึ่งมีเป้าหมายสร้างจุดคุ้มทุน ณ สิ้นปี แต่เชื่อว่าด้วยภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามที่ยังคงไม่หยุดชะงัก น่าจะส่งผลให้แผนการนำเข้าถ่านหินของประเทศดำเนินต่อไปได้ โดยรวมคงประมาณการตามเดิม เติบโต 53%YoY ยังคงแนะนำ “ซื้อสะสม”
- - SUN (ราคาปิด 4.50 อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและราคาเหมาะสมในเชิงลบ) รายงานกำไร 1Q61 เท่ากับ 5.3 ล้านบาท ลดลง 76%YoY แม้รายได้จากการขายเติบโต 13% แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 11.4% จาก 19.5% ใน 1Q60 และอัตราส่วนคชจ.ขายและบริหารเพิ่มขึ้นสู่ 13.2% จาก 12% ใน 1Q60 ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิลดเหลือ 1.2% จาก 5.8% ใน 1Q60
- ความเห็น กำไร 1Q61 คิดเป็น 3% ของประมาณการกำไรทั้งปี 61 ที่ราว 164 ล้านบาท ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนปรับลดประมาณการและราคาเหมาะสม
ข่าวเด่น