ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน เก็งกำไรหุ้นรายตัว (10/05/61)


 กลยุทธ์วันนี้

          เก็งกำไรหุ้นรายตัว

Smart Pick

  • เก็งกำไร PTTGC

  ราคาปิด 94.50 บาท
  ราคาเหมาะสม 110.00 บาท
          คาดกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะไต่ระดับขึ้นต่อจากแรงหนุนของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ทำระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง โดยคืนวานนี้ +3.1% ปิดที่ US$71.14/barrel 
          แนวโน้มกำไรปกติ 2Q61 คาดเติบโตสูง YoY เด่นสุดในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี เนื่องจาก 2Q60 ปิดซ่อมบำรุงโรงงาน และราคา ณ ปัจจุบัน ซื้อขายที่ระดับ PER2561 เพียง 9.5 เท่า และ Dividend Yield 5.2%

  • เก็งกำไร PSH

  ราคาปิด 22.30 บาท
  ราคาเหมาะสม 26.50 บาท
          รายงานกำไรปกติ 1Q61 ที่ 862 ล้านบาท +27% YoY ดีกว่าคาดราว 5% โดยอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ 35.7% เทียบกับ 4Q60 ที่ 35.9% และดีขึ้นจาก 1Q60 ที่ 34.3%
          เราประเมินว่าราคาหุ้นมี Downside Risk จำกัด หลัง YTD ราคาหุ้น  -5.1% และ Valuation ถูกที่ระดับ PER2561 เพียง 7.9 เท่า และ Dividend Yield 6.3%

  • สะสม BCH

  ราคาปิด 16.80 บาท
  ราคาเหมาะสม 19.30 บาท
          เราคาดกำไรสุทธิ 1Q61 ที่ 221 ล้านบาท เติบโต 34% YoY จากแรงหนุนของการปรับขึ้นค่าหัวโครงการประกันสังคมตั้งแต่ ก.ค.2560 และ WMC ผ่านจุดคุ้มทุน
          ราคาหุ้นอ่อนตัวลง 6.7% ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จาก Sentiment เชิงลบ หลัง BH รายงานกำไร 1Q61 ออกมาต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตาม เราคาดงบของ BCH จะไม่มี Negative Surprise เนื่องจากรายได้ 95% มาจากลูกค้าในประเทศ เทียบกับ BH ที่เป็นต่างชาติสูงถึง 60%

  • เก็งกำไร INTUCH

  ราคาปิด 55.00 บาท
  ราคาเหมาะสม 74.75 บาท
          สัญญาณทางเทคนิคราคาหุ้นมีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 56.00-56.50 บาท แนวรับ 54.50 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 53.50 บาท 
          เราคาดกำไรปกติ 1Q61 เติบโต YoY และ QoQ และคงมุมมองเชิงต่อ ADVANC จะรายงานงบในวันนี้ โดยคาดกำไรปกติที่ 8.1 พันล้านบาท +5.2% YoY และ +5.1% QoQ หากออกมาใกล้กับคาดการณ์เชื่อว่าจะส่งผลให้ราคาหุ้นฟื้นตัวได้ และเป็นบวกต่อ INTUCH ในฐานะบริษัทแม่

Pair Trade :  n.a

กลยุทธ์วันนี้
          SET INDEX ปรับตัวลงตลอด 5 วันทำการที่ผ่านมา เกิดแรงขายทำกำไรในหุ้นที่ทรงตัวดีกว่าตลาดโดยรวม ในช่วงก่อนหน้า เช่น ADVANC/ BEAUTY/ TRUE เราเชื่อว่า การเปลี่ยนกลุ่มลงทุนจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเม็ดเงินลงทุนมีโอกาสวิ่งเข้าสู่หุ้นบางกลุ่มที่ยังมีแรงขับเคลื่อนเฉพาะตัว เช่น กลุ่มพลังงาน/ ปิโตรเคมี ที่ราคาน้ำมันกลับมามีทิศทางขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง วานนี้ NYMEX บวกแรงถึง 3% ทำระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง
          ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ (Emerging Markets) รวมถึง ไทย อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเงินบาทอ่อนค่าอย่างรวดเร็วกว่า 1.8%MTD มากสุดในสกุลเงินหลักของเอเชีย เร่งให้ต่างชาติขายสินทรัพย์ที่เป็นเงินบาท เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน (FX loss) ล่าสุด ผลตอบแทนความเสี่ยงต่ำ (Risk-free rate) อย่าง Thai 10-Year Bond Yield ทะลุ 2.7% (+17bps YTD) ส่งผลให้ Upside ของตลาดหุ้นไทยในเชิงทฤษฎีการเงินค่อนข้างจำกัดในระยะสั้น 
          เราประเมินทิศทาง SET INDEX วันนี้จะทรงตัวได้ดีขึ้น เพราะเข้าใกล้แนวรับ 1750 จุด แต่ยังไม่น่าผ่านแนวด้านที่ 1765 จุดได้ เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่เข้าหนุนการลงทุน 
          ดังนั้นเรายังคงใช้กลยุทธ์หลัก คือ เลือกเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้น (Commodity Play) ได้แก่ น้ำมัน/ ปิโตรเคมี/ ถ่านหิน และ "เก็งกำไร" ในรอบที่สั้นมากขึ้น จนกว่าจะเห็นทิศทางของตลาดหุ้นที่ชัดเจนกว่านี้ วันนี้ ติดตามการรายงานงบ 1Q61 ของหุ้นขนาดใหญ่ PTT/ ADVANC/ IVL/ TOP

HOT Topic
          1. ปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างไร เมื่อ SET INDEX ลงมาใกล้แนว 1750 จุด ขณะที่เงินบาท อ่อนค่าต่อเนื่องแตะ 32 บาท/เหรียญฯ
          2. กลุ่มพลังงาน/ ปิโตรเคมี ยังช่วยหนุน SET INDEX หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX บวกแรง 3%
          3. ติดตามการรายงานงบ 1Q61 ของหุ้น Big Cap อย่าง PTT/ ADVANC/ IVL/ TOP วันนี้
          4. วิเคราะห์ผลประกอบการ 1Q61 ได้แก่ PSH, ANAN, MONO, HREIT, THCOM

ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          วานนี้ SET INDEX ปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 อีก 3.35 จุด มาปิดที่ 1756.90 จุด โดนผลกระทบจากหุ้น ADVANC (-4.41%) , KBANK    (-2.06%) และ CPALL (-0.85%) ส่งผลกระทบต่อดัชนีราว -4.3 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 6 หมื่นล้านบาท โดยมีรายการ Big Lot หุ้น DTC และ DTC-F มูลค่ารวม 2.14 พันล้านบาท ด้านกระแสเงินทุนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 13 ราว 1.8 พันล้านบาท รวม 13 วันขายสุทธิทั้งสิ้น 2.8 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการราว 1.1 พันล้านบาทด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 ราว 8.4 พันสัญญา รวม 2 วัน มีสถานะ Short สุทธิสะสมทั้งสิ้นราว 2.5 หมื่นสัญญา เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Short สุทธิเล็กน้อยราว 685 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิคงเหลือราว 3.1 หมื่นสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชีบล. มีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 3.6 พันสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิวันที่ 3 เพียง 45 ล้านบาท รวม 3 วันขายสุทธิทั้งสิ้น 2.3 พันล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้

  • นายกรัฐมนตรีจีนเร่งให้ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) และบรรลุความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค (RCEP)
  • นักวิเคราะห์คาดสหรัฐฯอาจคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านราว 2 แสนถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • ประเทศฝรั่งเศส, เยอรมัน และอังกฤษ แสดงจุดยืนสนับสนุนข้อตกลงด้านนิวเคลียร์กับอิหร่านต่อไป แม้สหรัฐฯเพิ่งประกาศถอนตัวจากข้อตกลง โดยประเด็นนี้ จะถูกบรรจุในวาระการประชุม EU Summit ณ ประเทศบัลแกเรีย สัปดาห์หน้า
  • ประธานาธิบดีอาร์เจนติน่า เตรียมขอความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF มูลค่าราว 3 หมื่นล้านเหรียญฯ หลังจากเผชิญปัญหาเงินเฟ้อสูง และค่าเงินเปโซอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว
  • EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลงเพียง 7.19 แสนบาร์เรล
  • ผลการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซีย เป็นผู้นำจากพรรคฝ่ายค้าน นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด ได้ครองที่นั่งในสภาไป 115 ที่นั่ง ซึ่งเพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาล
  • ติดตามการรายงานเงินเฟ้อจีน เดือนเม.ย. ตลาดคาดขยายตัว 1.9%, การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และการรายงานเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 2.5% วันที่ 10 พ.ค.

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 10 พ.ค. 2561 เวลา : 10:18:49

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:25 am