สภาวะตลาดวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,310.30-1,315.73 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,950 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,900 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM18 อยู่ที่ 20,040 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 60 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,980 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.18 น. ของวันที่10/05/61)
แนวโน้มวันที่ 11 พฤษภาคม 2561
ความตึงเครียดที่ปกคลุมภูมิภาคตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นเมื่อมีการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลและซีเรีย หลังจากอิสราเอลยิงจรวดหลายลำไปยังซีเรีย เพื่อทำลายฐานที่ตั้งเรดาร์และคลังกระสุน ขณะที่กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า กองกำลังอิหร่านในซีเรียได้ยิงด่านหน้าของอิสราเอลในที่ราบสูงโกลานที่อิสราเอลครอบครอง การต่อสู้ดังกล่าวเชื่อมโยงกับอิหร่าน เพราะก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้กล่าวหา ว่าอิหร่านสะสมอาวุธที่อันตรายในซีเรีย และออกมาเตือนว่า อิหร่านกำลังเตรียมการโจมตีอิสราเอลตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยมีการเคลื่อนย้ายอาวุธไปประจำอยู่ในซีเรีย แต่ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยยังตอบรับในเชิงบวกไม่มากนัก เพราะความเสี่ยงต่อความขัดแย้งในตะวันออกกลางส่งผลให้อุปทานน้ำมันโลกตรึงตัว จนหนุนราคาน้ำมันทะยานสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ความกังวลว่าราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นจะกระตุ้นเงินเฟ้อ ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีและเหนือระดับสำคัญ 3%โดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์เงินเฟ้อและยอดขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ อีกทั้งจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐสนับสนุนคาดการณ์ถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งกดดันราคาทองคำให้ขยับขึ้นได้อย่างจำกัด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตามองความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐ เมื่อความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐผลักดันให้ผู้ใช้ถั่วเหลืองในจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้ซื้อถั่วเหลืองอันดับหนึ่งของโลก มองหาโปรตีนที่มีราคาถูกกว่า เมื่อจีนขู่จัดเก็บภาษีนำเข้าถั่วเหลือง 25% จากสหรัฐ เพื่อตอบโต้ต่อการดำเนินการทางการค้า โดยสัปดาห์หน้ารองนายกรัฐมนตรีของจีนจะเดินทางเยือนสหรัฐ ตามคำเชิญจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ในสัปดาห์หน้า เพื่อเปิดการเจรจาทางการค้าอีกครั้ง หลังยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาครั้งก่อน ทั้งนี้ ราคาทองคำจึงแกว่งตัวในกรอบแคบ หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,317 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ อาจทำให้เกิดการอ่อนตัวลง
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า แนะนำให้นักลงทุนซื้อขายระยะสั้น โดยราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวแบบ Sideway โดยมีการทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้ในระยะสั้นนี้ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,317 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทางเทคนิค แต่ถ้าหากราคาสามารถยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้จะเห็นการดีดตัวของราคาต่อ โดยประเมินแนวต้านที่ 1,317-1,326 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าผ่านแนวต้านสำคัญไปไม่ได้ น่าจะเห็นการอ่อนตัวของราคาลง โดยประเมินแนวรับที่ 1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,302 (19,750บาท) 1,294 (19,600บาท) 1,286 (19,500บาท)
แนวต้าน 1,317 (20,000บาท) 1,326 (20,150บาท) 1,337 (20,300บาท)
GOLD FUTURES (GFM18)
แนวรับ 1,302 (19,890บาท) 1,294 (19,770บาท) 1,286 (19,640บาท)
แนวต้าน 1,317 (20,120บาท) 1,326 (20,260บาท) 1,337 (20,430บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999
ข่าวเด่น