ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน คาดว่า SET Index มีโอกาสรีบาวด์ (11/05/61)


 กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play  esp. Healthcare

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ดีดตัวขึ้นในช่วงแรงนำโดยกลุ่มพลังงานก่อนที่จะแกว่งย้อนลงมาปิดลบถึง 10 จุดโดยมีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว ภาพรวมถือว่ายังสอดคล้องกับที่เราประเมินว่าตลาดอยู่ในช่วงของการพักฐาน นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 14 แต่บางลงเหลือ 579 ลบ. (และ Short ใน Index Futures เล็กน้อย) ส่วนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 861 ลบ. 
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index มีโอกาสรีบาวด์ระหว่างวันจากตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเดือน เม.ย. ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ทำให้ตลาดลดความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED มากกว่า 3 ครั้งลงบ้าง อย่างไรก็ตามเรายังมองการฟื้นตัวยังคงจำกัดจากกระแสเงินทุนที่ยังไหลออกซึ่งกดดันหุ้นขนาดใหญ่ โดยระยะนี้คาดว่าตลาดยังคงอยู่ในช่วงพักตัวโดยหากอิงภาพทางเทคนิครอบนี้มีโอกาสอ่อนตัวลงทดสอบ Low เดิมบริเวณ 1,730 จุด เราคาดว่าหุ้นที่มีกำไร Surprise ตลาดจะ Outperform เช่น กลุ่มโรงพยาบาล 
  กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีกำไร 1Q18 ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มโรงพยาบาล
  หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BEM, CHG, EA, SC, THANI 
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าสุทธิ US$0.46ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$116ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$127ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$18ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางกลับมาไหลเข้าภูมิภาคเพราะแรงกดดันเงินเฟ้อสหรัฐที่ลดลงส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย 

ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CHG <<

  • แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท
  • กำไรปกติ 1Q18 อยู่ที่ 193 ลบ. +54% Q-Q, +26.6% Y-Y ดีกว่าคาดถึง  16% รายได้โตสูง 15% Y-Y จากโรคระบาดที่มากกว่าปีก่อนและการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว ขณะที่ฝั่งต้นทุนควบคุมได้ดีเยี่ยมหนุน EBITDA Margin ขึ้นเป็น 28.4% จาก 22.3% ใน 4Q17 และ 26.8% ใน 1Q17
  • กำไร 1Q18 ที่ออกมาดี ผนวกกับผลของ Operating Leverage จากการผ่านช่วงลงทุนหนักไปแล้ว ทำให้คาดการณ์กำไรปกติปีนี้ที่ 650 ลบ. +15% Y-Y เริ่มเปิด Upside
  • ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนงบที่แข็งแกร่ง โดย PE2018 อยู่ที่ 33.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 35.1 เท่า และในอดีตที่ราว 40 เท่า

ประเด็นสำคัญวันนี้
  (-) หุ้นกลุ่มปิโตรและโรงกลั่น มีแรงขายเพราะกำไรของโรงกลั่นแย่ลงจากค่าการกลั่นที่ลดลง แนวโน้มค่าการกลั่นใน 2Q18 อาจชะลอต่อเนื่องเพราะน้ำมันยังสูงขึ้น ในกลุ่มนี้บริษัทที่ดีสุดคือ PTTGC ราคาเป้าหมาย 115 บาท (มีโอเลฟินส์เป็นหลัก โรงกลั่นเป็นส่วนน้อย) และ IRPC ราคาเป้าหมาย 9 บาท (มี value added products)
  (-) TOP กำไรปกติจากการดำเนินงาน -35% Q-Q, -31% Y-Y อยู่ที่ 4,155 ลบ. ใกล้เคียงที่เราคาดแต่ต่ำกว่าตลาดคาด เพราะถูกกดดันจากค่าการกลั่นที่ลดลง แนวโน้ม 2Q18 อาจถูกกดดันจากค่าการกลั่นที่ลดลง หากราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวขึ้น ประมาณการปีนี้ที่เราคาด -18% Y-Y เหลือ 20,386 ลบ. อาจมี downside ราว 5-7% ราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ 105 บาท อาจลดเหลือราว 97-100 บาท แนะนำถือ
  (+) ADVANC กำไรปกติ 1Q18 ดีกว่าคาดเล็กน้อยที่ 8,166 ลบ. +6.3% Q-Q, +8.3% Y-Y รายได้จากการให้บริการไม่รวม IC +1.6% Q-Q, +5.7% Y-Y ได้อานิสงส์บางส่วนจากการควบรวม CSL ขณะที่ Net Add ติดลบเพียง 5.5 พันราย แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น ส่วน EBITDA Margin ปรับตัวขึ้นเป็น 46.4% จาก 45.1% ใน 4Q17 และ 44.8% ใน 1Q17 เรายังคงประมาณการกำไรปกติทั้งปีที่ 32,556 ลบ. +9.1% Y-Y ส่วนความกังวลในการประมูลคลื่น 1800 MHz เรามองว่ายังไม่จำเป็นต้องได้คลื่นใหม่ในช่วงนี้ ราคาหุ้นที่ปรับลงแรงทำให้ Upside เปิดกว้างขึ้นเมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมที่ 220 บาท จึงแนะนำซื้อ
  (+) MTC รายงานการเปิดสาขาครบ 2,800 สาขาแล้วในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เร็วกว่าที่คาดและเท่ากับเป้าหมายทั้งปีที่กำหนดไว้แล้ว สะท้อนมุมมองความต้องการสินเชื่อ consumer finance ที่ยังเข้มข้น แนวโน้ม 2Q18 คาดกำไรจะทำจุดสูงสุดต่อเนื่องที่ราว 850-860 ลบ. +2-3% Q-Q, +50% Y-Y การปล่อยสินเชื่อคาดว่าจะเติบโตตามเป้าหมายที่ 40-50% Y-Y เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอม และการเร่งเปิดสาขาในช่วงต้นปี ก่อนหน้านี้ MTC มีความกังวลต่อกฏระเบียบภาครัฐ ซึ่งหลายประเด็นคลี่คลายไปในเชิงบวก เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 51 บาท 
  (+) PCSGH กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 200 ลบ. +26% Q-Q, +33% Y-Y จากรายได้รวมที่โตตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวเป็น 21.99% จาก 19.78% ใน 4Q17 และ 18.99% ใน 1Q17 ตามการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น คาดกำไรช่วงที่เหลือของปียังโตดีต่อเนื่อง เรายังคงคาดกำไรทั้งปีที่ 790 ลบ. +23% Y-Y ยังคงคำแนะนำซื้อลงทุนระยะยาว เพื่อรับการเติบโตของรถยนต์ EV ที่จะเข้ามาต่อยอดตั้งแต่ปี 2020 ราคาเป้าหมาย 13 บาท (ยังไม่รวม 2 โครงการใหม่ที่เพิ่งได้รับ 4 พันลบ.)   
  (0) ASAP ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 15% จากการสอบถามบริษัท ยังไม่มีเหตุการณ์ใดเป็นลบ แนวโน้มกำไร 1Q18 น่าจะชะลอ Q-Q เพราะ 4Q17 มีรายการพิเศษทางภาษี แต่ Y-Y น่าจะเห็นการทรงตัวหรือดีขึ้นเล็กน้อยที่ราว 33-35 ลบ. ราคาที่ลงมาจึงมองเป็นโอกาสซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.20 บาท 
  (-) GFPT กำไร 1Q18 อ่อนแอกว่าคาด -57% Q-Q, -66% Y-Y เหลือ 146 ลบ. ต่ำสุดในรอบ 20 ไตรมาสจากราคาชิ้นส่วนไก่ในประเทศที่ทรุดลง แนวโน้มน่าจะฟื้นใน 2Q-3Q18 เพราะเป็นฤดูส่งออก เราอยู่ระหว่างปรับลดประมาณการและราคาเป้าหมายลง คาดว่าจะเหลือ 10-11 บาท จากเดิม 14 บาท แนะนำชะลอการลงทุน
   
ปัจจัยที่ต้องติดตาม

11 พ.ค.

ยูโรโซน: ถ้อยแถลงของประธาน ECB

15 พ.ค.

จีน: ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน เม.ย.

21 พ.ค.

ไทย: 1Q18 GDP

23 พ.ค.

ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติ กม. ลูก เลือกตั้ง ส.ว. และ ส.ส.

สหรัฐฯ: FOMC Meeting Minutes

  • (+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน เม.ย. ที่ประกาศออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยจากทาง FED ลงได้ระดับหนึ่ง
  • (+) ตลาดหุ้นยุโรปได้รับโมเมนตัมเชิงบวกหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ชะลอตัวลง
  • (+) ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นหลังจาก ปธ.ทรัมป์ประกาศวันที่จะนัดพบกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือในวันที่ 12 มิ.ย.ที่สิงคโปร์ นอกจากนี้ การออกมาพูดถึงนโยบายการบริหารประเทศแบบ Business Friendly ของนายมหาเธร์ ยังช่วยเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นมาเลเซีย
  • () ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยหลังตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลง ส่งผลให้ค่าเงินเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.90 – 32.00 บาท/ดอลลาร์
  • (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น 0.22ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 71.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากตลาดยังคงกังวลต่อปัญหา Supply จากทางอิหร่าน
  • ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 9.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,322.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง รวมถึงความกังวลในตะวันออกกลางที่เพิ่มมากขึ้น

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 พ.ค. 2561 เวลา : 09:24:56

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:38 am