คำแนะนำ
เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,311-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะทำกำไรหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,326-1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,311 1,302 1,294
แนวต้าน 1,326 1,337 1,346
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI)ของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะดีดตัวขึ้น 0.3% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%เช่นกัน ทั้งนี้ การขยายตัวต่ำกว่าคาดของตัวเลขที่บ่งชี้อัตราเงินเฟ้อ ช่วยลดกระแสการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้ ส่งผลกดดันให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ นอกจากนี้สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่ปธน.ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ โดยเกิดการยิงสู้รบกันระหว่างกองทัพอิสราเอลและกองทัพอิหร่านซึ่งมีฐานอยู่ในซีเรียซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกด้วย สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยราคานำเข้า, คาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ จาก ม.มิชิแกน
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำไม่สามารถ break out ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นให้กลับลงมาตั้งฐานราคาด้านล่างอีกครั้ง เบื้องต้นประเมินว่าราคายังคงเคลื่อนไหวระหว่าง 1,302-1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนราคาระดับ 1,311-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จึงจะมีแรงดีดกลับไปทดสอบแนวต้านด้านบนอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เน้นการลงทุนระยะสั้นโดยซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,311-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสำหรับนักลงทุนที่ถือสถานะซื้ออยู่ แนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,326-1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป
ข่าวเด่น