ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน (+) ตลาดต่างประเทศ DJIA + 196.99 (11/05/61)


 ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้

  (+) ตลาดต่างประเทศ DJIA + 196.99, NASDAQ + 65.07, S&P + 25.28, FTSE + 38.45, CAC + 11.32 และ DAX + 79.81
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับแรงส่ง จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด โดยดัชนีราคาผู้บริโภคปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะดีดตัวขึ้น 0.3% หลังจากร่วงลง 0.1% ในเดือนมี.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มไอที เช่นเฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล โดยหุ้นแอปเปิลทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  ขณะที่ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยได้ปัจจัยหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจและเงินเฟ้อในปีนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาสถานการณ์การเมืองในอิตาลี
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. + 22 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 71.36 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวการยิงสู้รบกันระหว่างกองทัพอิสราเอลและกองทัพอิหร่านซึ่งมีฐานอยู่ในซีเรีย ส่วนสถานการณ์สู้รบระหว่างกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมนและกองกำลังซาอุดิอาระเบียยังคงเกิดขึ้นเป็นระยะ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 2.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +9.30 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 1,322.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะไม่เร่งขึ้นปรับอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -589 ล้านบาท ยอดสะสม   -94,758 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท และปี’60 ขายสุทธิสะสม 25,755 ล้านบาท)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 11 - 16 พ.ค. 61
11/5/61 สหรัฐฯ เปิดเผย
  (1) ราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย.
  (2) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.

14/5/61 ไม่มีรายตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ 
15/5/61 สหรัฐฯ เปิดเผย
  (1) ดัชนีภาคการผลิต - พ.ค.
  (2) ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.
  (3) สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค.
  (4) ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ค.
16/5/61 ไทย : ประชุม กนง.

 สหรัฐฯ เปิดเผย 
  (1) ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย.
  (2) การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนเม.ย.
  (3) สต็อกน้ำมัน

ทิศทางตลาด
  รีบาวด์ได้บ้าง คาดดัชนีวันนี้ เป็นจังหวะรีบาวด์ตื้นๆ โดยจิตวิทยาเชิงลบ ที่เคยกดดันตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะภาวะดอกเบี้ยในตลาดสหรัฐ และเงินดอลลาร์ ที่เกรงกันว่า จะปรับตัวขึ้นเร็วกินไป จนทำให้เกิดความผันผวนขึ้นในประเทศที่กำลังพัฒนา ความกังวลดังกล่าว น่าจะผ่อนคลายลงในระยะสั้นนี้ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ในตลาดว่า FED อาจจะไม่เร่งขึ้นปรับอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และ ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐ ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.97% หลังแตะระดับ 3.00% ในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตามการรีบาวด์นี้ เราประเมินว่าจะเป็นไปอย่างอ่อนแอ จากผลประกอบการภาค Real Sector ที่ทยอยประกาศออกมา โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ออกมาไม่ได้ดีไปกว่าคาด ซึ่งจะฉุด Sentiment ในช่วงที่เหลือของฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 
  อย่างไรก็ตามมีประเด็นติดตามและคาดเป็น Sentiment ลบ โดยเฉพาะการประชุมเฟด (12 – 13/6/61) ที่คาดในครั้งนี้มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% หลังอัตราเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายที่ 2.0% พร้อมการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อยู่ในความคาดหมายของเฟด รวมถึง Bond Yield สหรัฐฯ ที่กลับมาเพิ่มขึ้นและทรงตัวในระดับสูงที่ 3.0% (Bond Yield อายุ 10 ปี) ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเมื่อ ธ.ค.’56 ที่ 3.03% คาดอาจส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตลาดหุ้น
  ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ ยังอยู่ในช่วงประกาศผลการดำเนินงาน ที่คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงกลางพ.ค. แต่ (-) Fund Flow คาด Sentiment เป็นลบเพิ่มขึ้น หลังต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่อง YTD ยอดขายสุทธิสูงกว่า 94,000 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทกลับมาอ่อนค่าต่อเนื่อง ล่าสุดเช้านี้ 32.14 -32.19 บาท 
  ทางด้านการเมือง โดยเฉพาะจากการยื่นร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ อาจส่งผลต่อ Road Map เลือกตั้งในเดือนก.พ.’ 62 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาด ในวันที่ 23/5/61 นี้
  อย่างไรก็ตามในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับ Sentiment บวกจากความคืบหน้าโครงการ EEC ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอประกาศใช้เป็นกฎหมาย คาดส่งผลดีต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ภายใต้โครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน รวมถึงล่าสุด รมว.คมนาคม คาดในเดือนพ.ค. - มิ.ย.นี้ เสนอครม. เพื่อขออนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่คาดว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ และงานเดินรถ จะรวมเป็นรูปแบบ PPP และเตรียมจะเสนอ ครม.ได้ประมาณ 3Q/61

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (2) กลุ่มพลังงาน ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น เช่น PTT, PTTEP, BANPU และ SPRC เป็นต้น
  (3) กลุ่มสื่อ ได้รับประโยชน์จากรายได้ค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นโดดเด่น เช่น MONO
  (4) กลุ่มท่องเที่ยว ได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เช่น CENTEL, ERW และ SPA เป็นต้น
  (5) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยว เช่น AOT และ PSL จากค่าระวางเรือ และ BTS จากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย
  (6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากโครงการ EEC ที่มีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ คาดได้รับประโยชน์จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน
  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.033 อยู่ที่ 2.971% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.19 อยู่ที่ 13.23
  หุ้นแนะนำ : MTC


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 พ.ค. 2561 เวลา : 09:44:15

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:35 am