Market summary

  เมื่อวันศูกร์ที่ผ่านมา SET เกิด Technical rebound โดยมีแรงซื้อคืนในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวนำโดย หุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTGC, BANPU  กลุ่ม ICT เช่น TRUE, ADVANC และกลุ่มธนาคารอย่าง BBL, KTB, KBANK ในขณะที่มีแรงซื้อเด่นใน  CHG, UTP, PORT ภายหลังประกาศงบออกมาดี อย่างไรก็ตามกลุ่ม TV Digital ยังคงเผชิญกับแรงขายนำโดย MONO, BEC   ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,765 จุด (+19.04 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวานก่อนที่ 4.8 หมื่นล้านบาท   
  นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยครั้งแรกในรอบ 15 วันที่  2.013 ล้านบาท แต่ยังคงเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 7,020 สัญญา  

Investment theme
  ผ่านไปแล้วกว่าครึ่งทางของการรายงานผลประกอบการ: เราเริ่มเห็นการรายงานผลประกอบการของหุ้นขนาดใหญ่ที่มีผลต่อประมาณการของตลาดหลายตัว นำโดยกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน โดยสรุปพบว่ามีเพียงกลุ่มธนาคารที่รายงานกำไรออกมาสูงกว่าที่เราคาดประมาณ 8% เป็นผลจากการตั้งสำรองที่ต่ำกว่าเป้าและกำไรพิเศษ ในขณะที่กลุ่มพลังงานใกล้เคียงกับที่เราคาด (+13%YoY) ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามกำไรกลุ่มโรงกลั่นและอาหารภาพรวมปรับตัวลงลง YoY และ QoQ โดยกลุ่มอาหารเป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงสูงที่สุดกว่า 30% YoY เป็นผลจากรายได้ผิดคาดและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ส่งผลให้ Margin ปรับตัวลงมาก และสำหรับกลุ่มค้าปลีกภาพรวมออกมาดี สาเหตุจากรายได้เฉลี่ยต่อสาขา (SSSG%) ค่อนข้างสูง (CPALL 5.6%, GLOBAL 6.8%, HMPRO 3.1%, JUBILE ) สะท้อนกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัวและมองว่าจะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้อในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวจากทั้ง ค่าแรงขั้นต่ำ, ราคาสินค้าเกษตรบางประเภทเริ่มปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาพรวม  SET ล่าสุดเริ่มเห็นนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรลง ทำให้ EPS ของตลาดถูกปรับลงเล็กน้อยเป็น 109.88 เป็นผลจากกลุ่มอาหารและกลุ่มธนาคาร
  Investment Theme:  สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,760-1,780 จุด แนะลงทุนกลุ่มพลังงานปิโตร PTTEP, IVL และค้าปลีก BJC พร้อมแนะจับตาสหรัฐรายงานตัวเลขค้าปลีก ซึ่งหากออกมาต่ำกว่าคาดประกอบกับเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมารายงานเงินเฟ้อต่ำคาด อาจส่งผลให้ในระยะสั้น Dollar ชะลอการแข็งค่า ถือเป็นบวกอ้อมๆต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงประเทศไทย

Big issue 
  เมื่อคืนที่ผ่านมา –ดร.สมคิดระบุมั่นใจเศรษฐกิจไทยปีนี้แตะ 4.0% / รมว.พลังงานระบุรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนไม่เกิน 2.44บาท/หน่วย

กลยุทธ์การลงทุน
สรุปผลประกอบการ 1Q18 
  CBG - งบต่ำคาด จากต้นทุนอังกฤษที่สูงขึ้น และรายได้ในประเทศลดลง แต่รายได้ส่งออกจีน , กัมพูชา เติบโตเด่นกว่า 75% แนะรอซื้อครึ่งปีหลัง 
  BJC - Core ใกล้เคียงคาด แต่มีกำไรพิเศษ , Q2 อ่อนตัวไม่แรง แนะซื้อ 68.0 บาท
  CPALL - Core ใกล้เคียงคาด แต่มีรายจ่ายภาษี Makro ส่งผลให้ Net ต่ำคาด คาด Q2 ทรงตัว แนะซื้อ 94.0 บาท
  GLOBAL- งบดีกว่าคาด 10% จาก SSSG, เปิดสาขา แนะ Switch เข้า BJC
  SAT - กำไรเด่น เราปรับประมาณการเป็น 24.0 บาท แนะซื้อ 
  TASCO - งบต่ำคาด 19% มี Downside จากประมาณการ แนะเลี่ยงลงทุน
  BANPU - Core ต่ำคาดจากต้นทุนและปริมาณขายที่ลดลง CEY ส่งผลให้ EBITDA ลดลงกว่า 33%QoQ อย่างไรก็ตาม Q2 ฟื้นตัว แนะซื้อเมื่ออ่อนตัวบริเวณ 19.60 

Technical View

 
  ระยะสั้นมองว่า Rebound ในกรอบ Downtrend:  แรงซื้อหุ้น Big Cap. โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและธนาคาร ทำให้ดัชนีไม่หลุด Low ที่ 1745 และเกิดแท่งเทียนกลับตัวขึ้น  แต่เนื่องจากแนวโน้มหลักดัชนียังแกว่งตัวในกรอบ Downtrend จึงมองว่าว่าเป็น Rebound ระยะสั้น เพื่อทดสอบแนวต้านกรอบ Downtrend มองแนวต้านที่ 1780 และ 1790 อย่างไรก็ตามมุมมองเชิงลบจะมีมากขึ้นหากดัชนีหลุด Low ที่ 1745 สำหรับการลงทุนขณะนี้มองเป็นการเล่น Rebound สั้นๆ  กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: จังหวะ Rebound มองเป็นโอกาสทยอยขายตามแนวต้านเพื่อลดพอร์ต  2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวมองเป็นโอกาส Trading เล่น Rebound สั้นๆ หรือเทรดในกรอบ 1755-1790
แนวรับ : 1755, 1745 แนวต้าน : 1780, 1790

Keep an eye on...
  ปัจจัยต่างประเทศ: สหรัฐรายงานตัวเลขค้าปลีก 15 พ.ค. /Trump เดินทางเยือนเกาหลีใต้ 22 พ.ค. 
  ปัจจัยในประเทศ: -
  

หุ้นเทคนิค:
  BJC (B 56.00-57.00, Tp 60.00//62.00, Cut 55.00)
  IVL (B 61.00, Tp 65.00, Cut 60.00)