คำแนะนำ
เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,306-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะทำกำไรบางส่วนหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,326-1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,302 1,294 1,286
แนวต้าน 1,326 1,337 1,346
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปรับตัวลดลง 5.55 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังสหรัฐและจีนกำลังจัดทำข้อตกลงเพื่อให้ ZTE ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารของจีนกลับมาดำเนินธุรกิจอีกครั้ง ขณะที่จีนเตรียมที่จะยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรของสหรัฐซึ่งรวมถึงถั่วเหลือง ประกอบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนจะเดินทางเยือนสหรัฐตั้งแต่วันที่ 15-19 พ.ค. เพื่อหารือประเด็นข้อพิพาททางการค้าเช่นกัน สถานการณ์ดังกล่าวหนุนดอลลาร์และดาวโจนส์ให้ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลงวานนี้ -1.47 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดค้าปลีกและ Empire State Index ของสหรัฐ พร้อมทั้งติดตามการหารือข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ, การประชุมร่วมกันระหว่างอิหร่านและสหภาพยุโรปเกี่ยวกับสถานการณ์หลังจากที่สหรัฐประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ รวมไปถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลางหลังสหรัฐเปิดสถานทูตแห่งใหม่ในกรุงเยรูซาเลมวานนี้จนเป็นเหตุให้เกิดการประท้วงและปะทะกันจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำไม่สามารถ break out ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,326 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ จึงมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นให้กลับลงมาตั้งฐานราคาด้านล่างอีกครั้ง เบื้องต้นประเมินว่าราคายังคงเคลื่อนไหวระหว่าง 1,337-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนราคาระดับ 1,306-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จึงจะมีแรงดีดกลับไปทดสอบแนวต้านด้านบนอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เน้นการลงทุนระยะสั้นโดยซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,306-1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,302 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสำหรับนักลงทุนที่ถือสถานะซื้ออยู่ แนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,326-1,337 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป
ข่าวเด่น