ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน ถูกกดจาก Bond Yield และ MSCI เพิ่มหุ้นจีน (16/05/61)


 “ถูกกดจาก Bond Yield และ MSCI เพิ่มหุ้นจีน”

SET Recap 
  SET ปิดที่ระดับ 1,766.86 จุด ลดลง 6.24 จุด (-0.35%) มูลค่าการซื้อขาย 60,117.59 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลงตามตลาดหุ้นเอเชีย จากปัจจัย Bond Yield สหรัฐฯแตะ 3% อีกครั้งส่งผลกระแสเงินทุนไหลออก และราคาน้ำมันลดลงกดดันหุ้นพลังงานอยู่ในช่วงเช้าแต่ลดลงในช่วงบ่ายหลัง     

SET Outlook
  ประเมินดัชนีฯยังแกว่งกรอบแคบมีแนวโน้มติดลบ  …   ตลาดขาดปัจจัยช่วยไปหลายตัว  Bond Yield และดอลล่าร์ของสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นหลังตัวเลขยอดค่าปลีก+ตัวเลขภาคอุตสาหกรรมออกมาดี Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าคาด กลับมาเป็นตัวแปรหลักกดดันตลาดหุ้นวันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง (WTI เช้านี้ $71 เหรียญ)  และการนำเอาหุ้นจีนเข้าคำนวณดัชนี  MSCI Emerging Market มีน้ำหนัก 0.39% (ที่มา : bloomberg) ทำให้นักลงทุนหันไปสนใจหุ้นจีนมากขึ้น ...  วันนี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับ เรื่องต่อไปนี้  งบการเงิน บจ. ที่ครบกำหนดส่งงบเช้านี้ (ไม่ส่งขึ้น “SP”) ล่าสุด กำไร SET -0.7YoY ; +15% QoQ ,  ประชุม กนง. (คาดคงดอกเบี้ย 1.5%) และตัวเลขนักท่องเที่ยว (รายงาน 11.00 น.)

Recommendation
  ตลาดขาดกำลังซื้อและเม็ดเงินใหม่ และถูกกดดันจากตัวแปรทางลบมากขึ้น  การลงทุนยังต้องระมัดระวังตสำหรับหุ้นใหญ่ที่เสี่ยงต่อการถูกขาย ...  การเช้าลงทุน เรายังเน้นไปที่ปัจจัยเฉพาะตัว และกรอบเวลาลงทุนสั้นๆ  หุ้นขนาดใหญ่ วันนี้ เราให้ความสนใจกับหุ้นใหญ่ที่นักลงทุนอาจใช้เป็นตัวพักเงิน  คือ BH และ LH  รวมไปถึงหุ้นกลุ่มนิคมฯที่ผลการดำเนินงานออกมาดี เกาะกระแสลงทุนในอีอีซี  คือ  WHA และ AMATA  ขณะที่หุ้นขนาดเล็ก เรามองเป็นจังหวะซื้อหุ้นราคาปรับตัวลงมามาก คือ HTECH ที่ order ลูกค้าใหม่เริ่มทยอยเข้า และ GFPT จากค่าเงินบาท ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง (ล่าสุด 32.12 บาท/ดอลล่าร์)

Technical:  CK, ESSO , GCAP
  * เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์


Key Factors to Watch
? ส่งงบวันสุดท้าย 
? แถลงผลการดำเนินงาน  TPBI, SABINA, MALEE , PSL , AMANAH
? ตัวเลขท่องเที่ยว (16 พ.ค.) เวลา 11.00 น.
? ประชุม กนง. (16 พ.ค.)  ตลาดคาดคงดอกเบี้ย 1.5%
? GDP  1Q ของกลุ่มอียู  (15 พ.ค.)
? ศาลรธน.นัดชี้ขาดกฎหมายลูก ส.ส.-ส.ว. (23 พ.ค.)

Story of the Day
  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นมาปิดเหนือ 3.0% อีกครั้ง คือ 3.068% พร้อมๆ กับ Dollar Index  ก็ปรับขึ้นด้วยเช่นกัน ถือเป็นสัญญาณลบของตลาด วันแรกในรอบ 3 วันที่ผ่านมา (ตามรูป)  เหตุผลหลักๆ คือตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี ดัชนี Empire State Index เดือนพ.ค. สูงกว่าคาด ขณะที่ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. ....  ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่า Fed อาจปรับดอกเบี้ยจาก 3 เป็น 4 ครั้งในปีนี้ กระทบต่อเงินลงทุนที่อาจไหลออกจากตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

Today Stock Picks
 AMATA  (ซื้อ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.0  บาท)
  บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 413 ล้านบาท สูงกว่าที่เราคาด (310 ลบ.)  จากยอดโอนที่ดินในนิคมจำนวน 107 ไร่สูงกว่าที่เราประมาณไว้ที่ 74 ไร่ ในขณะที่รายได้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นจากการเปิดดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Amata B.Grimm Power Rayong3 ในช่วง 1Q18 ที่ผ่านมา เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 1.5 พันล้านบาท (+10%) โดยเรามองว่าจำนวนโอนที่ดินจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2Q18 ภายหลังที่ พรบ.อีอีซี อนุมัติ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา กอปรกับยอดขายที่ดินที่เลื่อนการโอนมาจาก 1Q18 นอกจากนี้เรามองว่าในระยะยาวบริษัทจะลดสัดส่วนยอดขายที่ดินในนิคม AMATA City Chonburi ตามการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมขายขาดที่ดินเป็นการปล่อยเช่าระยะยาว  .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST 24.00 บาท (ราคาปิด 21.00)

BH  (ซื้อ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์  200 บาท)
  เรามองว่าหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งมีการเติบโตไปเรื่อยๆ และได้อานิสงค์จากคนไข้เพิ่มจากโรคระบาดและลูกค้าต่างประเทศ และ BH จัดเป็นหุ้นตัวใหญ่ที่เราคาดว่า ด้วยภาวะตลาดหุ้นที่ไม่แน่นอน  BH อาจถูกเลือกเป็นที่พักเงินของนักลงทุน   .....เราประมาณการกำไรสุทธิในปี 2018 ที่ 4,302 บาท เติบโต 9% YoY เติบโตจากการปรับขึ้นค่าบริการตั้งแต้นปี และการเน้นโรงพยายาลสู่โรงพยาบาลรักษาโรคยากด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ   ......  ราคาเหมาะสมโดย KTBST 223.5  บาท.... (ราคาปิด 190 )


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 พ.ค. 2561 เวลา : 09:42:24

24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 5:16 pm