“เล่นแค่ Rebound"
SET Recap
SET ปิดที่ระดับ 1,750.62 จุด ลดลง 16.24 จุด (-0.92%) มูลค่าการซื้อขาย 67,637.70 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงแรง หวั่น Fund Flow จะไหลออกเพิ่มขึ้น หลังความเสี่ยงเพิ่มจากโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ถึง 4 ครั้ง เหตุ Bond Yield ของสหรัฐฯปรับตัวขึ้นสูง อีกทั้งงบการเงินไตรมาส 1/61 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ส่วนใหญ่ออกมาไม่ค่อยดี ยิ่งกลุ่มแบงก์เล็งงบฯไตรมาส 2/61 อาจโดนหั่นมากหลังยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมผ่านช่องทางการทำธุรกรรมดิจิทัล
SET Outlook
คาด ดัชนีฯ ดีดกลับหลังลงหนักและตลาดต่างประเทศบวก ราคาน้ำมันหนุน … เรามองดัชนีฯ จะมี rebound สั้นๆ ด้วยปัจจัยบวกในเรื่องของราคาน้ำมันสูงขึ้น บวกต่อหุ้นน้ำมันและปิโตรเคมี(บางตัว) และราคาหุ้นใหญ่หลายๆตัวปรับตัวลงมากในวันก่อน อย่างไรก็ตาม เรายังคงมองว่า ปัจจัยโดยรวมของตลาด ยังมีน้ำหนักในทางลบอยู่ จาก Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ ที่ยังสูง (ล่าสุด 3.1%) นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทย (เมื่อหักตัวเลขซื้อหุ้น Jasif ออกไปแล้ว) และผลประกอบการ 1Q-18 ที่ชะลอตัวลง ... และตลาดเองจะต้องรอดู 3 event สำคัญสัปดาห์หน้า คือ GDP , ตัวเลขส่งออก และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อ พ.ร.ป.ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งของไทย
Recommendation
เนื่องจากตลาดถูกกดดันจาก Fund Flow ไหลออก หลัง Bond Yield ดีดตัวขึ้นต่อ การลงทุนจึงยังต้องระมัดระวังสำหรับหุ้นใหญ่ที่เสี่ยงต่อการถูกขายของนักลงทุนต่างประเทศ ... หุ้นที่เหมาะกับการลงทุนช่วงสั้น เราเน้นไปที่ปัจจัยเฉพาะตัว top pick จะเป็น PTTEP* ที่ได้ผลบวกจากราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นต่อ .... หุ้นที่นักลงทุนอาจใช้เป็นตัวพักเงิน เรายังแนะนำต่อสำหรับ BH และ LH* …. หุ้นกลุ่มธนาคาร KBANK ที่คาดได้ผลบวกจาอการเลื่อนใช้ IFRS9 … หุ้นกลุ่มรับเหมา STEC ที่นักลงทุนกลับมาสนใจอีกครั้งหลังรัฐบาลยังเดินหน้าด้านลงทุนและสนับสนุนการลงทุน และหุ้นกลุ่มเหล็ก MCS* ลูกค้ารายใหญ่สั่ง order เพิ่ม
Technical: SGP, AMATA, NWR
* เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
Key Factors to Watch
GDP 1Q ของกลุ่มอียู (15 พ.ค.)
? GDP 1Q-18 ของงไทย (21)
? ตัวเลขส่งออกของไทย (สัปดาห์หน้า)
? ศาลรธน.นัดชี้ขาดกฎหมายลูก ส.ส.-ส.ว. (23 พ.ค.)
Story of the Day
ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันให้ปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้นคือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ของประเทศเวเนซุเอลา ในวันที่ 20 พ.ค. นี้ ซึ่งคาดว่านายนิโคลัส มาดูโร จะยังคงได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจส่งผลให้สหรัฐฯ มีแนวโน้มออกมาตรการคว่ำบาตรเวเนซุเอลา,
ปัจจุบันปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลามีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยในเดือน มี.ค. 2018 ปรับลดลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 33 ปีที่ราว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับ 2.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2015 เนื่องจากขาดการลงทุน โดยเฉพาะบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา "PDVSA"
หุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขาขึ้นคือ "PTTEP" ซึ่งราคาหุ้นมี co-relation กับราคาน้ำมันสูงที่ 0.70x ในขณะที่หุ้น "BANPU" และ "LANNA" จะได้รับประโยชน์ทางอ้อมเพราะราคาถ่านหินโดยปรกติเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน
ข่าวเด่น