ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน ปัจจัยต่างประเทศดีขึ้นเล็กน้อย (17/05/61)


 “พันธบัตรสหรัฐพลิกลด...แต่อย่าเพิ่งวางใจ”

• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
  ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับตัวลงต่อ 16.24 จุด ปิดที่ 1750.62 จุด นับว่าลงแรงกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านโดยส่วนใหญ่ มูลค่าซื้อขายปานกลางที่ 67.6 พันล้านบาท ปัจจัยลบมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี เกินกว่า 3% อีกทั้งกังวลเงินไหลออกจากเงินบาทที่อ่อนค่า หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่า อีกทั้ง MSCI ประกาศลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย ขณะที่ราคาน้ำมันยังมีความผันผวน หลังปรับขึ้นมาสูงมากผู้นำซื้อสุทธิคือ นักลงทุนต่างประเทศ ส่วนรายย่อยซื้อเล็กน้อย ด้านผู้ขายสุทธิคือ สถาบันและบัญชีหลักทรัพย์
  แนวโน้มและกลยุทธ์– ปัจจัยต่างประเทศดีขึ้นเล็กน้อย จากการอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี กลับมาลดลง หลังทำยอดสูงสุดในรอบ 7 ปีในวันอังคาร (ยังผลให้เกิดความกังวลว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้) ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าตามเช้านี้ บาทกลับมาแข็งค่าเล็กน้อย ราคาน้ำมันแม้ปรับขึ้น แต่หุ้นกลุ่มพลังงานได้ปรับขึ้นมาก่อนหน้าแล้ว สถานการณ์ในประเทศระยะนี้ ได้รับปัจจัยลบจาก MSCI ถ่วงน้ำหนักไทยลดลง กนง. มองเศรษฐกิจไทยดี จากส่งออก-ท่องเที่ยว แต่ยังให้ระวัง น้ำมันเร่งเงินเฟ้อ และค่าเงินบาทอ่อน เงินไหลออก คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสฟื้นตัวได้ในระยะสั้นหลังวานนี้ลงแรง แต่ก็อย่างเพิ่งวางใจ ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้รีบาวด์เล็กๆ ส่วนระยะกลาง-ยาวเรื่องการกีดกันทางการค้าที่ไม่แน่นอน อีกทั้งค่าเงินบาทมีความผันผวนเทียบกับดอลลาร์มากเช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯยังคอยกดดันดัชนีฯ ส่วนการเมืองไทยหากเลือกตั้งได้ ก.พ.62 ตามโรดแม็ปจะเป็นบวก รายงานกำไรบจ.งวด 1Q61 ผ่านไปแล้ว ภาพรวมออกมาค่อนไปทางน่าผิดหวัง กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ มีแรงกระตุ้น (Catalyst) เฉพาะตัว ตามบทวิเคราะห์ DBS ได้ นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้น ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมและทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย เพือล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบที่เป็น 1740-1780 จุด
 Update หุ้นเด่น : BTS – เป้าหมายปีหน้าสิ้นสุด มี.ค.62 คือเติบโตสูง ในทุกประเภทธุรกิจ ปัจจัยบวกคือ รายได้รถไฟฟ้าสายชมพู-เหลือง จะบันทึกเป็นปีแรกในจำนวน 2.0-2.5 หมื่นล้านบาท ในส่วนของงานโยธา และเครื่องกล แนวโน้มรถไฟฟ้าสีชมพู-เหลืองปีแรกจะไม่ขาดทุน ด้านรายได้บริหารเดินรถโตดี 30% เนื่องจาก ธ.ค.61 จะเริ่มมีรายได้บริหารเดินรถสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) เต็มเส้นทางเป็นเวลา 4 เดือน คงคำแนะนำ ซื้อ แต่ปรับราคาพื้นฐานใหม่ขึ้นเป็น 10.50 บาท ด้วยวิธี SOP ด้านอัตราการเติบโตกำไรหลักปีนี้และปีหน้าถือว่าดีเป็น 58%/10% เทียบ y-o-y ผนวกกับคาดการณ์ผลตอบแทนปันผลปีหน้าที่ 4.8% ส่วนคาดการณ์ปันผลงวดสุดท้ายปีนี้เป็น 0.2423 บาท หรือเป็นผลตอบแทน 2.6%
  การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นลบอีกครั้ง ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯแกว่งแบบลง แต่มีรีบาวด์สั้นๆ เพราะระยะกลางมีสภาวะ Overbought+Divergence ยังคอยกดดัน ซื้อใหม่เน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1760-1770, 1780 โดยมีแนวรับ 1740-1730
  สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น CK,BANPU,CKP,BEM,MC,D ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ KBANK, GLOBAL, TMB,PTG, TKN,AP, GUNKUL หุ้นที่หลุด KTC, VIBHA, CMAN, PSL, GCAP และที่ให้หาจังหวะ Take profit เป็น UNIQ, UTP

ปัจจัยต่างประเทศ
+/- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ กลับมาอ่อนลง
  # อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลงสู่ระดับ 3.063% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.188% หลังจากปรับขึ้นไปสูงสุดในรอบ 7 ปี เมื่อวันอังคาร
  # จากการที่นักลงทุนหันกลับมาซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อันเนื่องมาจากความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากเกาหลีเหนือได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมระดับรัฐมนตรีกับเกาหลีใต้ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นเมื่อวานนี้ โดยอ้างถึงการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐที่ดำเนินไปในขณะนี้ นอกจากนี้ นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังขู่ที่จะยกเลิกการประชุมสุดยอดระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่สิงคโปร์ใน
-/• ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมสูงกว่าคาด แต่ตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านชะลอ
  # การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ซึ่งปรับตัวขึ้น 0.7% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ขณะที่ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 3.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.287 ล้านยูนิต โดยได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนที่ดินในการสร้างบ้าน และการขาดแรงงานทักษะ
+/• ภาวะตลาดน้ำมัน : WTI และ Brent ปรับเพิ่มขึ้น สต็อคน้ำมันลด ตะวันออกกลางยังตึงเครียด
  # สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือเกือบ 0.3% ปิดที่ 71.49 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 79.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
  # สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 นอกจากนี้ สถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังคงตึงเครียด รวมทั้งความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน ยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์สหรัฐเพิ่ม หุ้นค้าปลีกเสริม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลด
  # ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,768.93 จุด เพิ่มขึ้น 62.52 จุด หรือ +0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,722.46 จุด เพิ่มขึ้น 11.01 จุด หรือ +0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,398.30 จุด เพิ่มขึ้น 46.67 จุด หรือ +0.63%
  # ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 1 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังจากที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
• ภาวะตลาดทองคำ : ปิดบวก กลับมาซ้อนซื้อเก็งกำไร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลด
  # สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.2 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,291.5 ดอลลาร์/ออนซ์
  # สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาทองคำปิดในแดนบวก
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตาม
  # สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่น่าสนใจที่จะมีการประกาศในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย

ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
• กนง. คงดอกเบี้ยตามคาด เน้นจับตาค่าเงินบาท อาจทำให้เงินไหลออก
  # กนง.คงดอกเบี้ยตามคาด มองแนวโน้มเศรษฐกิจโตชัดขึ้นจากภาคส่งออก-ท่องเที่ยว ส่อปรับคาดการณ์เพิ่ม ขณะเงินเฟ้อเริ่มขยับเข้ากรอบเป้าหมาย หลังราคาน้ำมันพุ่ง พร้อมสั่งจับตาค่าเงินบาทใกล้ชิด แนวโน้มผันผวนสูงจากเงินทุนไหลกลับ มั่นใจรับมือได้เหตุทุนสำรองแกร่ง ด้านนักวิเคราะห์มองระยะสั้นบาทยังอ่อนค่า จากบอนด์ยิลด์ที่พุ่งทุบสถิติ 7 ปี
+/• วันนี้จะมีการแตกพาร์ 2 หลักทรัพย์คือ SGP และ PYLON ด้าน KCE จะแตกพาร์ 21 พ.ค.61
  # จากพาร์ 1.00 บาท ลดลงเป็น 0.50 บาท หากใช้ราคาปิดวานนี้ของ SGP ที่ 24.50 บาท จะมีราคาลดลงเป็น 12.25 บาท และ PYLON หากใช้ราคาปิดวานนี้ที่ 14.80 บาท จะมีราคาลดลงเป็น 7.40 บาท ด้าน KCE เริ่มแตกพาร์วันที่ 21 พ.ค.61 ราคาหุ้นจะลดลงเป็นจากราคาปิดวานนี้ที่ 67.75 บาท จะมีราคาลดลงเป็น 33.88 บาท ทำให้สภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นดีขึ้น แต่ปัจจัยพื้นฐานไปไม่เปลี่ยนแปลง
+ PF ผนึกกำลัง "ฮ่องกง แลนด์" เปิดบ้านเดี่ยวไฮเอนด์ มูลค่ากว่าหมื่นล้าน
  # PF ผนึก "ฮ่องกง แลนด์" ผุดบริษัทร่วมทุน "เอชเคแอล เพอร์เฟค" ถือหุ้น 51:49 เตรียมเปิดบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ เฟสแรกผุด 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท จ่อเปิดตัวต้นปีหน้า แย้มเจรจาร่วมทุนพันธมิตรญี่ปุ่นอีกคาดสรุปมิ.ย.นี้ ดันปี 63 ขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 อสังหาฯพรีเมียม ย้ำปีนี้รายได้พุ่ง 20,000 ล้านบาท (ข่าวหุ้น)
  # ความเห็น: ข้อดีของการจับตลาดบ้านระดับสูงคือ การแข่งขันน้อยกว่าบ้านระดับล่าง-กลาง และอัตราการปฏิเสธสินเชื่อน้อยกว่า เนื่องจากลูกค้ามีฐานะการเงินดี แต่ข้อควรระวังคือ เรื่องยอดขายอาจทำได้น้อย หากสินค้าไม่ตอบโจทย์ และการตรวจรับบ้านเพื่อโอนยากขึ้น ปัจจุบันมีการจ้างมืออาชีพมาตรวจบ้าน สำหรับ PF แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หลังประกาศงบ 1Q61 surprise ออกมาดี ผ่านการ XD มาแล้ว และจะมีการแถลงข้อมูลวันที่ 22 พ.ค.61 นี้
+ 5 ยักษ์พร้อมชิงบงกช-เอราวัณ ลุ้นผลผ่านคุณสมบัติ 28 พ.ค.นี้
  # 5 ยักษ์ใหญ่พลังงาน "PTTEP-เชฟรอน-มูบาดาลา-โอเอ็มวีฯ-โททาลฯ" ตบเท้ายื่นแบบฟอร์มพิจารณาคุณสมบัติ ร่วมวงประมูลบงกช-เอราวัณ ฟาก รมว.พลังงาน เผยจะประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นในวันที่ 28 พ.ค.นี้ ทางเว็บไซต์กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ข่าวหุ้น)


บันทึกโดย : วันที่ : 17 พ.ค. 2561 เวลา : 09:57:41

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:23 am