“Bond Yield สหรัฐฯเป็นลบ แต่น้ำมันแรง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : VGI (จาก Fully Valued เป็นซื้อ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับตัวขึ้นเพียง 0.58 จุด ปิดที่ 1751.2 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ปรับลง มูลค่าซื้อขายสูงขึ้นที่ 71.2 พันล้านบาท ดัชนีฯไปได้ไม่ไกลเพราะปัจจัยลบมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่เกินกว่า 3% กังวลเงินไหลออก แต่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ผลักดันหุ้น PTTEP ปรับขึ้นได้มาก และมีการเก็งกำไรหุ้นเฉพาะตัว เช่น ANAN จะกลับมาโอนคอนโดแอชตัน อโศกได้ ผู้นำขายสุทธิคือ นักลงทุนต่างประเทศ และสถาบัน ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ บัญชีหลักทรัพย์และรายย่อย
แนวโน้มและกลยุทธ์– ปัจจัยต่างประเทศมีผลลบจากการอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ทำยอดสูงสุดใหม่ไปแตะระดับ 3.1%ยังผลให้เกิดความกังวลว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้ ดอลลาร์สหรัฐอยู่ในเกณฑ์แข็งค่า บาทกลับมาอ่อนเล็กน้อย จึงอาจกังวลเรื่องเงินไหลออกอีกครั้ง ราคาน้ำมันปรับขึ้นดี จนเบรนท์ขึ้นไปแตะ 80 เหรียญ หุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯจึงมีแนวโน้มดี หลังมอร์แกนฯ ประมาณการไป 90 เหรียญในปี 63 สถานการณ์ในประเทศระยะนี้ ได้รับปัจจัยลบจาก MSCI ถ่วงน้ำหนักไทยลดลง คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสผันผวนสูง ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้รีบาวด์เล็กๆ ส่วนระยะกลาง-ยาวเรื่องการกีดกันทางการค้าที่ไม่แน่นอน อีกทั้งค่าเงินบาทมีความผันผวนเทียบกับดอลลาร์มาก เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯยังคอยกดดันดัชนีฯ ส่วนการเมืองไทยหากเลือกตั้งได้ ก.พ.62 ตามโรดแม็ปจะเป็นบวก รายงานกำไรบจ.งวด 1Q61 ผ่านไปแล้ว ภาพรวมออกมาค่อนไปทางน่าผิดหวังหากไม่รวมพลังงาน กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ มีแรงกระตุ้น (Catalyst) เฉพาะตัว ตามบทวิเคราะห์ DBS ได้ นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้น ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย เพือล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบที่เป็น 1740-1775 จุด
Update หุ้นเด่น : PTT– เนื่องจากปีนี้บริษัทมีปัจจัยกระตุ้นหลายเรื่อง ได้แก่ 1) ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น, 2) บริษัทย่อย PTTEP เข้าประมูลสัมมปทานเหล่ งบงกชและเอราวัณ ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลประมูลได้ปลายปีนี้ และ PTTEP จะชนะประมูลอย่างน้อย 1 แหล่ง, 3) มีกำไรจากการโอนสินทรัพย์ให้กับ PTTOR ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ปี 62, 4) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ IRPC ที่เข้าไปถือหุ้นเพิ่ม 9.5% เป็น 48% แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 61 บาท (IAA Consensus 10 ราย แนะนำซื้อ 9 แนะนำถือ 1)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เหมือนเป็นบวกเล็กๆ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯแกว่งแบบลง อาจมีรีบาวด์สั้นๆเพราะระยะกลางมีสภาวะ Overbought + Divergence ยังคอยกดดัน ซื้อใหม่เน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1760-1770, 1775 โดยมีแนวรับ 1740-1730 สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น AMATA, JMART, PTT, EGCO, BDMS, VGI,SAT, AH ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ PTG,AP,D หุ้นที่หลุด TMB, TKN, CK, BEM, MC, KBANK และที่ให้หาจังหวะ Take profit เป็น GUNKUL, GLOBAL, BANPU, CKP
ปัจจัยต่างประเทศ
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ทำยอดสูงสุดใหม่แตะ 3.1%
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ดีดตัวสู่ระดับ 3.106% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2554 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.230% เมื่อคืนนี้
#การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินดีดตัวขึ้นตามไปด้วยโดยล่าสุดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการจำนองของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีเมื่อคืนนี้ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับอัตราเงินกู้จำนอง และอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้ รวมทั้งเครื่องมือทางการเงินในระบบ
-มีข้องกังลการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน
# ความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความเห็นล่าสุดเมื่อคืนนี้ว่า เขาเริ่มไม่มั่นใจว่าการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนซึ่งกำลังดำเนินไปอยู่ในขณะนี้ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เนื่องจากจีนมีท่าทีปกป้องผลประโยชน์ของตนเองมากเกินไป
#ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในวันนี้ที่ทำเนียบขาว ขณะที่นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจจะมีความคืบหน้าหรือไม่
-/• ตัวเลขขอรับสวัสดิการ สหรัฐฯสูง แต่ดัชนีชี้นำสอดคล้องกับนักวิเคราะห์คาด
#กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 215,000 ราย
#ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวขึ้น 0.4% สู่ระดับ 109.4 ในเดือนเม.ย. โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.
+/• ภาวะตลาดน้ำมัน : Brent ขึ้นไปแตะ 80 เหรียญทีเดียว
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดทรงตัวที่ 71.49 ดอลลาร์/บาร์เรลและสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน ก.ค. ขยับขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 79.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญานํ้ามันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐอาจจะคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน
- ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์สหรัฐลดลง
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,713.98 จุด ลดลง 54.95 จุด หรือ -0.22% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,720.13 จุด ลดลง 2.33 จุด หรือ -0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,382.47 จุด ลดลง 15.82 จุด หรือ -0.21%
# ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 3.10% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 7 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนยังไม่มีการส่งสัญญาณในด้านบวกจนถึงขณะนี้
• ภาวะตลาดทองคำ : ปิดลดลง เก็งกำไรดอลลาร์
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.1 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1,289.4 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลง นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำเช่นกัน
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
+/• KCE: จะแตกพาร์ 21 พ.ค.61
# จากพาร์ 1.00 บาท ลดลงเป็น 0.50 บาท หากใช้ราคาปิดวานนี้ KCE ราคาหุ้นจะลดลงเป็นจากราคาปิดวานนี้ที่ 68.00 บาท จะมีราคาลดลงเป็น 34.00 บาท ทำให้สภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นดีขึ้น แต่ปัจจัยพื้นฐานไปไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับ SGP และ PYLON วานนี้มีการแตกพาร์ สำหรับ SGP วันแตกพาร์จริงกลับลดลง ส่วน PYLON ไม่เปลี่ยนแปลง พฤตกรรมส่วนใหญ่จึงเป็นการเก็งกำไรก่อนแตกพาร์จริง ยกเว้น PTT ที่ได้รับความนิยมสูง
# ทางด้านปัจจัยพื้นฐานแนะนำ ซื้อ KCE พ้นช่วงแย่สุด 1Q61 ไปแล้ว ผลกำไรมีแนวโน้มกำลังจะดีขึ้น ปลาย 1Q61 บริษัทมีคำสั่งซื้อที่ทำไม่ทันค้างอยู่ 8 ล้านดอลลาร์ และได้เพิ่มเครื่องจักร 8 ตัวในปลายไตรมาส 1 ที่ผ่านมา แล้วจะเพิ่มอีก 20 ตัว ใน 2Q61 ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อรองรับ High Season ของธุรกิจในไตรมาส 3 ความต้องการซื้อสินค้ายังคงแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ขณะเดียวกัน KCE น่าจะได้ประโยชน์จากการที่โรงงานคู่แข่งขันเกิดเพลิงไหม้ และบริษัทเพิ่งได้ 2 ออร์เดอร์ใหญ่จากลูกค้าในธุรกิจยานยนต์ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ปี 62 และหนุนผลประกอบการใน 5 ปี ข้างหน้า คงคำแนะนำซื้อ ที่ราคาพื้นฐาน 85.00 บาท
# สำหรับในเรื่อง MSCI แม้ KCE จะถูกปรับออกจาก MSCI Global Standard แต่ก็ได้รับการเพิ่มเข้าไปใน MSCI Small Cap Indexed แทน มีผล 31 พ.ค.61
• ANAN: เก็งกำไรเรื่องกลับมาโอนคอนโด แอชตัน อโศกได้ปีนี้
# ANAN: นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลอปเม้นท์ (ANAN) เปิดเผยว่า ทิศทางยอดโอนในช่วงไตรมาส 2/61 จะดีกว่าช่วงไตรมาส 1/61 ที่สามารถทำได้ 3,840 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทคาดว่าจะเริ่มโอนโครงการแอชตัน อโศก ได้ทันภายในไตรมาส 2/61 นี้ หลังจากที่บริษัทฯได้มีการพูดคุยกับทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แล้ว (Aspen)
# ผลกระทบ: ราคาหุ้นปรับขึ้น เพราะมีความหวังว่าจะสามารถโอนคอนโดแอชตัน อโศกได้ ทำให้ผลกำไรปีนี้ออกมาดี แต่สิ่งที่จะยืนยันได้คือ จะต้องได้ใบอนุญาตการใช้อาคารชุดได้สำเร็จจริงก่อน จึงจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ ช่วงนี้จึงเป็นการเก็งกำไร หลังจากราคาหุ้นปรับลงมามาก เพราะกังวลว่าจะโอนโครงการข้างต้นไม่ได้ ด้านคำแนะนำพื้นฐานคือ เต็มมูลค่า (Fully Value) ราคาพื้นฐาน 4.00 บาท และหากเริ่มโอนได้สำเร็จจริงก็ยอมรับว่าราคาหุ้นมีโอกาสจะดีดกลับได้แรง
ข่าวเด่น