คำแนะนำ
ระยะสั้นราคามีแนวโน้มที่จะทดสอบแนวต้าน 1,297 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร แต่ถ้าผ่านได้ให้รอขายบริเวณ 1,306 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นไป อย่างไรก็ตามหากไม่ผ่าน ประเมินแนวรับที่ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,280 1,271 1,263
แนวต้าน 1,297 1,306 1,315
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อยราว 0.17 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากในระหว่างวันราคาทองคำร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดครั้งใหม่ของปี 2018 ที่ 1,281.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ประกอบกับสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 300 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับการที่สหรัฐและจีนตกลงที่จะระงับการทำสงครามการค้าชั่วคราว ประกอบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความวานนี้ระบุว่า จีนได้ให้สัญญาที่จะซื้อสินค้าเกษตรจำนวนมากจากสหรัฐหลังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์ที่แล้วอีกด้วย สถานการณ์ดังกล่าวกดดันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมาและลดช่วงติดลบที่ทำในระหว่างวัน โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไรและการซื้อคืนเพื่อปิดสถานะขาย(short covering)ในตลาด COMEX ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลงวานนี้ -3.24 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์ของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำดีดตัวขึ้นมาใกล้ 1,297-1,306 ดอลลาร์ต่อออนซ์และหากไม่มีปัจจัยบวกเพิ่ม แนะนำจับตาแรงขายทำกำไรที่สลับออกมาเบื้องต้น หากไม่สามารถผ่านไปได้ ประเมินว่าจะเกิดแรงขายกดดันให้ราคาเข้าใกล้ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
ราคาทองคำมีจุดขายระยะสั้นในบริเวณ 1,297-1,306 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากยืน 1,306 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) แต่หากผ่านโซนแนวต้านดังกล่าวแนะนำให้ชะลอการขายออกเพื่อรอดูสถานการณ์ และหากราคาอ่อนตัวลงไปก่อนให้พิจารณาบริเวณ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดซื้อ
ข่าวเด่น