ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน จันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเผชิญกับแรงขายนำ (30/05/61)


 Market summary

  เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเผชิญกับแรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP, PTTGC ภายหลังราคาน้ำมันดิบโลกปรับลงกว่า 3% ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังคงมีแรงขาย BGRIM ภายหลังแนวโน้มการประชุมนักวิเคราะห์ไม่สดใส อย่างไรก็ตามเห็น Flow ไหลเข้าพักในกลุ่มธนาคารอย่าง KBANK, TMB, BBL  และกลุ่มอสังหาอย่าง SIRI, QH และ GOLD  และกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL, HMPRO และ GLOBAL ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,734 จุด (-6.6 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.0 หมื่นล้านบาท (มี Biglot BJC 1,717 ล้านบาท ที่ราคา 57.25บาท/หุ้น  ) ลดลงเมื่อเทียบกับวานก่อนหน้าที่ 5.4 หมื่นล้านบาท 
  นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่  2,878 ล้านบาท และเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 3,392 สัญญา  

Investment theme
  จับตาศาลรธน.วินิจฉัยพ.ร.ป.ที่มาส.ส.  : บ่ายวันนี้แนะจับตาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพ.ร.ป.การเลือกตั้งส.ส. ซึ่งหากผ่านลักษณะเดียวกับฉบับส.ว. ถือเป็น Sentiment บวกอ่อนๆ ต่อการลงทุน โดยลำดับถัดไปนายกจะนำขึ้นทูลเกล้าก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ 90 วัน เพื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่หากศาลวินิจฉัยว่าร่างดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ จะต้องถูกส่งกลับมายังสนช.พิจารณาแก้ไข แต่ไม่ว่าจะต้องแก้ไขเฉพาะมาตราหรือต้องกลับไปร่างใหม่ทั้งหมด เรามองว่าโอกาสการเลื่อนเลือกตั้งจาก Roadmap ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2562 จะมีความเสี่ยงสูง (มองกรอบแนวรับบริเวณ 1,700จุด +/- ในกรณีที่ไม่ผ่าน) สำหรับการลงุทนในช่วงนี้กลุ่มพลังงานอาจยังเผชิญกับความเสี่ยงจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลงจากความกังกวลการผลิตน้ำมันจาก OPEC จะกลับมาเพิ่มขึ้น, แท่นขุดเจาะน้ำมันที่สูงขึ้น และ Dollar ที่กดดัน ส่งผลให้เชิงกลยุทธ์ระยะสั้นเราแนะเปลี่ยนกลุ่มมาเก็งกำไร Domestic play อย่างรถไฟฟ้า (Downside ต่อประมาณการกำไรต่ำ) และอสังหาโดยเฉพาะแนวราบที่มองว่าจะ Outperform กลุ่มจากความสามารถในการปรับขึ้นราคาและ Presale ที่ยังเติบโตในระดับสูง อย่าง GOLD, LH 
  Investment Theme:  แนวรับสำคัญ SET ไม่ควรปิดต่ำกว่าระดับ 1,725 จุด ซึ่งหากปิดต่ำกว่าจะทำให้ภาพการปรับตัวขึ้นของ SET ในระยะกลางเป็นไปได้ยาก แนะ Take profit / Cut loss และกลับมาถือเงินสดเพิ่มขึ้นเป็น 40% (จากปัจจุบันเงินสด 30%) แนะหันลงทุนกลุ่ม Defensive อย่างรถไฟฟ้า (BTS, BEM ) และกลุ่มโรงพยาบาล (BH, BDMS) 

Big issue
  เมื่อคืนที่ผ่านมา – คลังคาด GDP ปีนี้เติบโต 4.2-4.7% และปีหน้าเติบโต 3.9-4.9% สนับสนุนจากสุปสงค์ในประเทศ / ปัญหาการเมืองอิตาลีและสเปนส่งผลให้ Bond yield อิตาลี 10ปี ปรับสูงขึ้นที่ 3.17%  และค่าเงินยูโรปรับลงที่ 1.15USD  (จากระดับ 2.6% เมื่อสัปดาห์ก่อน)



กลยุทธ์การลงทุน 
  ปัจจุบันตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะ Emerging market ในหลายประเทศกำลังเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากความกังวลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่เร็วกว่าคาด ส่งผลให้ Bond yield และ Dollar ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยยะ ซึ่งถือเป็นต้นทุนของการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในตลาด EM ทำให้เกิดกระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่เริ่มมี Upside ที่จำกัด อีกทั้งปัญหาการเมืองในยุโรปที่กลับมาน่ากังวลอีกครั้ง ส่งผลให้การลงทุนเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น โดย Earning yield gap ปัจจุบันเริ่มลดลงที่ 3.63% (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5ปีที่ 3.79 )
  แนะนำ ทยอยสะสม BTS (10.50) รายงานผลประกอบการดีกว่าคาด 5% , จ่ายปันผล 3.6% , BANPU จากอุปสงค์ที่ยังฟื้นตัวดี และอุปทานตรึงจากภาวะหน้าฝน สะท้อนให้ราคาถ่านยืนในระดับ 100 เหรียญประกอบกับคาดว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสหนึ่ง  (Trading range 20.0-22.0) , BH (Trading range 190-200.0)  
  Trading idea – รอซื้อ PTT เมื่ออ่อนตัวบริเวณ 48.0-49.0 บาท/หุ้น (ย้อนหลัง 5 ปีที่ 48.0 บาท ตามลำดับ) / ชะลอการลงทุนใน BGRIM

Technical View

 

  ยังคงมีความเสี่ยงหลุดเส้น EMA200วัน:  แรงขายอย่างหนักและต่อเนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ทำให้ดัชนีปรับตัวลงต่อ และสัญญาณกลับตัวขึ้นแบบ Hammer ที่เกิดก่อนหน้ายังไม่ถูกคอนเฟิร์ม ทำให้ขณะนี้ดัชนียังคงมีความเสี่ยงปรับตัวหลุดโซนแนวรับ 1725-1730 (EMA200วัน) ซึ่งสอดคล้องกับ MACD ที่ยังคงแกว่งใต้เส้น Signal เป็นสัญญาณลบ ระยะสั้นให้พิจารณาแรงขายในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีเป็นหลัก หากมีแรงขายต่อเนื่องคาดมีโอกาสหลุดโซนแนวรับ 1725-1730 กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: จังหวะ Rebound มองเป็นโอกาสขาย เพื่อลดพอร์ตการลงทุน เนื่องจากแนวโน้มเป็นขาลง 2) ไม่มีหุ้น: Trading เล่น rebound ในกรอบ 1730-1750 เน้นซื้อแนวรับ-ขายแนวต้าน
  แนวรับ : 1730, 1725 แนวต้าน : 1745, 1750

Keep an eye on...
  ปัจจัยต่างประเทศ:  31 พ.ค.สหรัฐรายงาน PCE , จีนรายงาน PMI
  ปัจจัยในประเทศ: 30 พ.ค. ศาลรธน.วินิจฉัยพ.ร.ป.ส.ส. /  1 มิ.ย. รายงานเงินเฟ้อ / 

หุ้นเทคนิค:
  CPALL (B 80.00-80.50, Tp 83.00//85.00, Cut 79.50)
  EA (B 39.50, Tp 42.50, Cut 39.00)


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 30 พ.ค. 2561 เวลา : 09:58:33

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:43 am