กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลงแรงเกือบตลอดทั้งวันจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบจากการเมืองในยุโรป อย่างไรก็ตามตลาดสามารถรีบาวด์ได้ในช่วงท้ายตลาดและปิดยืน ณ ระดับแนวรับสำคัญ 1,725 จุดได้หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นหนักต่อเนื่อง 4.4 พันลบ. (และ Short ใน Index Futures เพิ่มมากขึ้นเป็น 5.5 พันสัญญา) ขณะที่รายย่อยเป็นฝ่ายซื้อ 4.5 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะรีบาวด์ขึ้นทดสอบ 1,730-1,735 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายขึ้นหลังการเมืองในอิตาลีเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากความพยายามที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่อีกครั้งและการประมูลพันธบัตรที่ราบรื่น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นน่าจะช่วยหนุนกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากรอบการรีบาวด์ของตลาดจะยังยังไม่กว้างนักโดยยังต้องติดตามพัฒนาการของข่าวในแต่ละวันและกระแสเงินทุนที่คาดว่ายังไหลออก เรามองว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic น่าสนใจกว่าในระยะนี้จากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนในต้นปีหน้าและเศรษฐกิจไทยที่เร่งตัว
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Domestic และ Laggard
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BEM, CHG, EA, SC, THANI
Fund Flow เมื่อวานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$1.2 พันล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$600ล้านส ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$137 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคแต่น่าจะเบาบางลงตามราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นและความกังวลต่อการเมืองที่อิตาลีคลายตัวลง
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ROBINS <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 78 บาท
- แม้ SSSG เม.ย. 18 ยังแผ่ว แต่คาดว่าจะดีขึ้นใน มิ.ย. 18 ที่มีการจัดงาน greatest grand sale (ร่วมกับ central)
- ตั้งเป้ารุกหนักในการเพิ่มสัดส่วน private brand เพื่อเพิ่มมาร์จิ้น และขยายธุรกิจ online โดยเน้น omni channel ส่วนสาขาจะเปิดใหม่ 2 แห่งใน 2H18 เราคาดกำไรสุทธิทั้งปีนี้ +13.5% Y-Y เป็น 3.1 พันลบ.
- ราคาหุ้นค่อนข้าง Laggard กว่ากลุ่ม และ Forward PE ยังต่ำเพียง 23 เท่า เทียบกับกลุ่มที่ 28-30 เท่า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% จากแนวโน้มของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ที่ยังไม่เพิ่มการผลิตในปีนี้ และรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่อ่อนตัวลง หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานระยะสั้นทั้ง PTT และ PTTEP
(0) ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยผ่าน พรป. เลือก ส.ส. ทำให้การเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นได้ตามกำหนดเดิมคือ ช่วง ก.พ. 19 ซึ่งเรามองว่าเป็นบวกต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ทั้งของภาครัฐฯและเอกชนที่จะเร่งตัวขึ้น เช่น รับเหมาก่อสร้าง (CK) วัสดุก่อสร้าง (SCC) และนิคมฯ (AMATA) รวมถึงค้าปลีกอย่าง CPALL ROBINS และผู้พิมพ์บัตรเลือกตั้งอย่าง TKS
(+) สศค. รายงานเศรษฐกิจ เม.ย. ขยายตัวต่อเนื่อง จากทั้งการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดี โดยเฉพาะรถยนต์ที่ได้แรงหนุนจากการออกรุ่นใหม่ของผู้ผลิต ซึ่งสะท้อนมายังภาษีมูลค่าเพิ่มที่ขยายตัวราว 4% ต่อเดือน ขณะที่ การนำเข้าสินค้าทุนก็เร่งตัวขึ้น สอดคล้องกับผลผลิตที่โตทั้งในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ส่วนการส่งออกและจำนวนนักท่องเที่ยวยังอยู่ในโมเมนตัมที่ดี ด้วยเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ทำให้ สศค. คาดว่า 2Q18 GDP จะขยายตัวสูงกว่า 4% ต่อเนื่องจาก 1Q18 ที่โต 4.8%
(0) หุ้นเข้า-ออก MSCI Review วันนี้เริ่มคำนวณดัชนีใหม่ โดยหุ้นที่เข้า MSCI Global Standard คือ LH และหุ้นที่ออกคือ KCE, SCC-F ส่วนหุ้นที่เข้า MSCI Small Cap. คือ DDD KCE MONO PRM THG TPIPL และหุ้นที่ออกคือ BIG EASTW FSMART GL KTC LHFG MALEE SAMART TSE ซึ่งคาดว่าหุ้นเหล่านี้จะมีความผันผวนระยะสั้นเพื่อปรับสมดุลดัชนี ก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานต่อไป
(0) AH แนวโน้มการเติบโตในปีนี้ยังโดดเด่นสุดในกลุ่ม เพราะบริษัทร่วมมีกำไรเพิ่มขึ้น และรับรู้ดอกเบี้ยรับจาก SGAH เต็มปีที่เฉลี่ยไตรมาสละ 80 ลบ. (จากปีก่อนที่รับรู้ช่วง 2H17) แต่ปีหน้าจะเริ่มโตชะลอเพราะกำไรถูกปรับฐานแล้ว และปี 2021 อาจไม่โตเนื่องจากหยุดรับรู้ดอกเบี้ย ซึ่งยังไม่แน่ว่าส่วนแบ่งกำไรจาก SGAH ที่ปัจจุบันทำได้ไตรมาสละ 8-10 ลบ. จะมาชดเชยดอกเบี้ยรับที่หายไปได้หรือไม่ ขณะที่ การลงทุนใหม่ในเวียดนามยังมีขนาดค่อนข้างเล็ก และยังมีมีการลงทุนในโครงการ EV ที่ชัดเจน ภาพระยะยาวจึงดูไม่น่าตื่นเต้น แนะนำเพียงซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 47 บาท ถ้าจะลงทุนระยะยาว แนะนำซื้อ PCSGH
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
31 พ.ค.
|
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงาน (พ.ค.)
- MSCI Index Review
|
1 มิ.ย.
|
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (พ.ค.)
|
5 มิ.ย.
|
- จีน: Caixin PMI ภาคการผลิต (พ.ค.)
|
- (+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นหลังจากแนวโน้มการเจรจากับเกาหลีเหนือรวมถึงจีนยังคงอยู่ในเชิงบวก ในขณะที่ Bond Yield อายุ 10 ปีที่ปรับตัวลง ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นในระยะสั้น
- (+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังตลาดเริ่มผ่อนคลายความกังวลในเรื่องการเมืองของอิตาลีรวมถึง Bond Yield อิตาลีที่เริ่มปรับตัวลง และตัวเลขการจ้างงานและ CPI ของเยอรมันที่ออกมาดีกว่าคาดช่วยเสริมตลาด
- (+) ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น หลังจากธนาคารกลางจีนมีแนวคิดที่จะปรับ Reserve Requirement ลงอีก รวมถึงการเจรจาระหว่างสหรัฐ กับจีนและเกาหลีที่ยังอยู่ในเชิงบวก
- () ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงทรงตัวอยู่แถวบริเวณ 32.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินบาท
- (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 1.48 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 68.21 ดอลลาร์/บาเรลล์ หลังรายงานจากกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ว่าจะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 2.40 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,306.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเด่น