คำแนะนำ
นักลงทุนที่มีทองคำในมือ อาจแบ่งขายบางส่วนหากราคาไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน และรอการอ่อนตัวลงของราคา หากสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,295-1,292 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำให้เข้าซื้อเพื่อลงทุนระยะสั้นอีกครั้ง
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,292 1,280 1,271
แนวต้าน 1,307 1,315 1,325
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดทรงตัวแทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยได้รับแรงหนุนจากสหรัฐที่ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมต่อแคนาดา, เม็กซิโก และสหภาพยุโรป(EU) โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้เวลา 11.00 น.ตามเวลาไทย ส่งผลให้ EU ประกาศรายชื่อสินค้าสหรัฐหลายร้อยรายการ อาทิ เนยถั่วและมอเตอร์ไซค์ที่จะถูกเรียกเก็บภาษีจาก EU ทางเม็กซิโกประกาศจะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าซึ่งรวมถึงเนื้อสุกร, แอปเปิล, องุ่น, ชีสและเหล็กแผ่นจากสหรัฐ ส่วนแคนาคาจะเรียกเก็บภาษีต่อเหล็กและอลูมิเนียมรวมทั้งสินค้าอื่นๆที่นำเข้าจากสหรัฐเพื่อเป็นการตอบโต้เช่นกัน ความวิตกเกี่ยวกับสงครามทางการค้ากดดันให้สกุลเงินดอลลาร์และดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ แต่ราคาทองคำถูกสกัดช่วงบวกไว้จากการเปิดเผยดัชนี Core PCE ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด และเมื่อเทียบรายปีดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.8% ใกล้แตะเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง -4.42 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร, อัตราการว่างงานและรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านในโซน 1,307 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้แสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้น หากยืนได้แข็งแกร่ง ทำให้ประเมินว่าในระยะสั้น ยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ แนวต้านถัดไป 1,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับนั้นอยู่ในบริเวณ 1,295-1,292 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
แนะนำซื้อทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวในกรอบแคบ และให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไร หากราคาทองคำขยับขึ้นไม่ผ่านแนวต้าน 1,307-1,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และอาจเข้าซื้อคืนเมื่อราคาทองคำย่อตัวลงมาบริเวณ 1,295-1,292 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยไม่ควรลงทุนมากเกินไปและควรคำนึงถึงการแกว่งตัวของราคา
ข่าวเด่น