Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นปรับตัวหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,725 โดยหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงเผชิญกับแรงขาย นำโดย PTT, PTTEP และกลุ่มโรงกลั่นอย่าง IRPC, TOP, BCP ในขณะที่หุ้นขนาดกลางอีกหลายตัวโดนแรงขายหนักเช่นกัน นำโดย SGP, SUPER อย่างไรก็ตามยังคงมีแรงซื้อใน SCC, CPF, BANPU และรถไฟฟ้า BTS ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,719 จุด (-7.1 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.7 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวานก่อนหน้าที่ 9.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้งในรอบ 11 วันที่ 135 ล้านบาท แต่กลับมาเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 17,344 สัญญา
Investment theme
กลยุทธ์เดือนมิ.ย.ยังมีความเสี่ยงจากต่างประเทศ แต่ภาพรวมยังสามารถเก็งกำไรได้ : การลงทุนในเดือนมิถุนายนเรามองกรอบ SET บริเวณ 1,680-1,745 จุด โดยมองว่าตลาดหุ้นยังเผชิญกับปัจจัยกดดันจากต่างประเทศ นำโดย 1) สงครามการค้ากลับมากดดันการลงทุนอีกครั้ง ภายหลัง Trump ไม่ผ่อนปรนพร้อมขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมกับยุโรป (ปัจจุบันเกินดุลการค้าสหรัฐ 3.8 หมื่นล้านเหรียญ), เม็กซิโก,แคนาดา ซึ่งคาดจะส่งผลลบต่อ NAFTA โดยเราเชื่อว่าทั้ง 3 ฝ่ายกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาตอบโต้เช่นกัน โดนสินค้าที่มีโอกาสเป็นเครื่องมือในการขึ้นภาษีเป็นไปได้หลายอย่างเช่น รถยนต์, เนื้อหมู, ผลไม้ และอื่นๆ อีกมากในขณะที่สัปดาห์นี้หากสหรัฐ-จีน ยังไม่บรรลุข้อตกลง อาจทำให้การกีดกันทางการค้าลามในหลายทวีปทั่วโลก ซึ่งเรามองว่าหากไม่สามารถเจรจากันได้สิ่งที่จะตามมาคือเงินเฟ้อในแต่ละประเทศจะเร่งตัวขึ้น และท้ายสุดจะส่งผลลบต่อทุกฝ่าย 2) ความไม่แน่นอนของผลการประชุม OPEC ในขณะที่ Dollar แข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบ ซึ่งถือเป็นการจำกัด Upside ของกลุ่มพลังงานและ SET ทางอ้อม อย่างไรก็ตามเราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกแบบอ่อนๆ ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ นำโดยการลงทุนเอกชน, การบริโภค เราแนะนำมาทยอยสะสมหุ้น Domestic play
Investment Theme: แนะนำนักลงทุนถือเงินสดเพิ่มขึ้นเป็น 40% ภายหลังปรับตัวหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,725 จุด โดยกรอบแนวรับ-แนวต้านบริเวณของ SET ในเดือนมิถุนายน บริเวณ 1,680-1,745 จุด แนะนำหันลงทุนกลุ่ม Defensive อย่างรถไฟฟ้า (BTS, BEM ), กลุ่มอสังหาฯ แนวราบ (GOLD, LH) พร้อมเก็งกำไรกลุ่มก่อสร้างโดยคาดเดือนนี้จะมีความคืบหน้าโครงการประมูล เช่น พระราม 3 –ดาวคะนอง, ขายเอกสารคัดเลือกเอกชนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แนะเก็งกำไร CK, STEC
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – พาณิชย์รายงาน CPI เดือนพ.ค.ขยายตัว 1.49% ( 5 เดือนแรก โต 0.89%) / อิตาลีตั้งนายกใหม่ นาย Conte / สหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสูงกว่าคาดที่ 223,000 ตำแหน่ง
Stock pick : TPIPP
TPIPP : ทยอยซื้อ ราคาเหมาะสม 8.50 บาท/หุ้น
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์ และผู้บริหารยังให้ความเชื่อมั่นในโครงการโรงไฟฟ้าขยะใหม่ภายใต้กระทรวงมหาดไทย (หนองแขม, อ่อนนุช) ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานคาด กำไรQ2 เดินหน้าทำระดับสูงสุด
คาดผลประกอบการ 2Q61 จะมีกำไรทะลุ 1 พันล้านบาท โรงไฟฟ้าสำคัญ คือ โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ 70MW (TG6) รวมกับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง 30 MW (TG4) ได้จำหน่ายไฟฟ้าให้ กฟผ. 90MW และ ได้ adder 3.50 บาท เพิ่มเติมจากค่าไฟฟ้าพื้นฐาน 7 ปี ได้เริ่มต้น COD เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการเดินเครื่องดีขึ้นเป็นลำดับ คือ เดือน เม.ย. มีการใช้กำลังการผลิต 87% เดือน พ.ค. 90-95% ซึ่งโรงไฟฟ้า TG4+TG6 คาดจะช่วยเพิ่มกำไรประมาณ 2-2.5 พันล้านบาทต่อปี ทำให้กำไรตั้งแต่ไตรมาสสองจะเติบโตแบบก้าวกระโดดมากกว่าพันล้านบาท
ปันผลสูงกว่า 6% แนะนำ ทยอยซื้อ ราคาเหมาะสม 8.50 บาท
Trading idea – ซื้อ GOLD ราคาเป้าหมาย 13.30 บาท/หุ้น
Technical View
หากหลุด Low Downside จะเปิดมากขึ้น: แรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน ทำให้ดัชนียังคงดีดตัวไม่พ้นแนวต้านแรกที่ 1730 (EMA200วัน) ประกอบกับสัญญาณลบใน MACD ที่ยังคงอยู่ใต้เส้น Signal จึงมองว่าขณะนี้ดัชนีมีความเสี่ยงหลุด Low เดิมที่บริเวณ 1710 ซึ่งหากหลุด Downside จะเปิดมากขึ้น มีแนวรับถัดไปที่ 1700 (กรอบล่าง Downtrend) จึงมองว่าจังหวะ Rebound คือ โอกาสขายทำกำไรที่แนวต้านเพื่อลดพอร์ต
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: จังหวะ Rebound มองเป็นโอกาสขาย เพื่อลดพอร์ต หากหลุด 1710 แนะนำ Stop Loss 2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มที่แนวรับบริเวณ 1710 หากไม่หลุด อาจเล่น Rebound สั้นๆ
แนวรับ : 1710, 1700 แนวต้าน : 1730, 1745
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: จับตาปัญหา Trade war / สหรัฐรายงานตัวเลขการค้า 6 มิ.ย. / 8 มิ.ย. จีนรายงานตัวเลขการค้า
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
BANPU (B 20.80-21.20, Tp 22.00//22.50, Cut 20.60)
IVL (B 57.00, Tp 60.00, Cut 56.00)
ข่าวเด่น