กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways Down โดยกลุ่มพลังงานยังคงเผชิญแรงขาย รวมถึงแรงกดดันจากประเด็นการค้าโลกหลังสหรัฐฯเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดา เม็กซิโกและยุโรป นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิเล็กน้อยในตลาดหุ้นหลังขายหนักติดต่อกัน 10 วันทำการ แต่ก็พลิกมา Net Short ใน Index Futures ถึงกว่า 1.7 หมื่นสัญญา ขณะที่แรงขายเมื่อวันศุกร์มาจากฝั่งบัญชีบล.เป็นหลักราว 1.4 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways โดยระยะสั้นน่าจะมีจังหวะรีบาวด์ขึ้นได้จากตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งและคลายกังวลการเมืองในยุโรป อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นสำคัญต้องติดตามคือเรื่องการค้าโลกหลังประชุมรัฐมนตรีคลัง G7 ได้ประณามการเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ต้องติดตามการประชุมสุดยอดระดับผู้นำ G7 ในวันที่ 8-9 มิ.ย.นี้ จึงทำให้กรอบการฟื้นตัวของ SET คาดว่ายังจำกัด โดยเรายังมองว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ยังดูน่าสนใจมากกว่า และมองระดับของดัชนีที่น่าสนใจในการสะสมหุ้นรอบนี้อยู่ที่บริเวณ 1,700 จุดบวกลบ
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Domestic และ Laggard//Accumulate on Dip
หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. : BGRIM, GLOBAL, MTC, PCSGH, TVO
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$349ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$275ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$4ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$6ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศต่างๆปะทุขึ้นอีกครั้ง
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PCSGH <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 13 บาท
- คาดกำไรสุทธิ 2Q18 โตโดดเด่น Y-Y ตามอุตสาหกรรมที่เร่งตัว ยอดสั่งซื้อจากกลุ่ม Non-Auto ที่เพิ่มขึ้น และเริ่มรับรู้กำไรจากโรงงานในยุโรป
- คาดได้รับคำสั่งผลิตชิ้นส่วน EV เพิ่มเติมในเร็ววันนี้ เพราะชื่อเสียงเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
- ราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่มยานยนต์ โดย -5% YTD สวนทาง SAT +2% และ AH +11%
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯดีเกินคาด โดยงวด พ.ค. 18 เพิ่มขึ้น 223,000 คน มากกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 188,000 คน ค่าจ้างเพิ่มขึ้น 0.3% M-M มากกว่าคาดที่ 0.2% M-M และอัตราการว่างงานลดลงจาก 3.9% เหลือ 3.8% สินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น แต่ US Bond Yield ก็ปรับขึ้นเช่นกัน สะท้อนทิศทางดอกเบี้ยในตลาดเงินมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงต่อตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะถัดไป ภาพบวกที่เห็นจึงอาจเป็นเพียงปรากฎการณ์ชั่วคราว
(0) คาดหุ้นเข้าออก SET50/SET100 หุ้นที่เราคาดว่าจะเข้าคำนวณใน SET50 รอบ 2H18 คือ BGIM DELTA GLOW KTC TOA RATCH หุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 คือ BCP KCE PSH SAWAD TPIPP WHA ส่วนหุ้นที่คาดเข้า SET100 คือ BLA VGI JAS RS PRM ERW และหุ้นที่คาดออกจาก SET100 คือ ANAN BA BIG JMART JWD STA UNIQ MC THCOM MONO หุ้นที่น่าสนใจสำหรับเก็งกำไรเมื่อพิจารณาจากการเติบโตและ Upside จากราคาเป้าหมายคือ BGRIM ERW และ RS
(0) WORK แนวโน้ม 2Q18 กำไรน้อยกว่าตลาดเคยคาด โตไม่มาก Q-Q และลดลงมาก Y-Y จากอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยลดลงราว3% Q-Q จาก Rating ช่อง WPTV ฟื้นช้า แม้คาดอัตราใช้เวลาโฆษณาเพิ่มตามฤดูกาล และจะเริ่มตั้งสำรองโบนัสพนักงานในไตรมาสนี้ จากเดิมบันทึกทั้งก้อนในไตรมาสสุดท้าย เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2018-2019 ลง 24-28% เป็นกำไรลดลง 10.9% จากฐานสูงใน 2Q17-3Q17 ส่วนใหญ่มาจากปรับประมาณการรายได้ช่อง WPTV ลง และปรับลด L-T Growth เป็น 2% สะท้อนมุมมองแนวโน้มระยะยาวด้อยกว่าเคยคาด ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2018 ปรับลงเป็น 48 บาท จากเดิม 78 บาท (DCF) ราคาหุ้นปรับลงมาสะท้อนประเด็นลบส่วนใหญ่แล้ว คงคำแนะนำถือ
(+) CHG โมเมนตัมการเติบโตของกำไรใน 2Q18 คาดว่ายังแข็งแกร่งต่อเนื่องเมื่อเทียบ Y-Y จากฝนที่มาเร็วซึ่งหนุนให้ผู้ป่วยเงินสดคาดว่ายังเติบโตแข็งแกร่ง ขณะที่ฝั่ง Margin คาดยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจาก Operating Leverage จากการลงทุนในช่วง 2 ปีที่แล้วที่เริ่มออกดอกออกผล เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2018 ขึ้น 5% โดยคาดเติบโตถึง 20.1% Y-Y สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มการแพทย์และสูงที่สุดในกลุ่ม ส่งผลให้ราคาเหมาะสมขยับขึ้นเป็น 2.70 บาท ซึ่งยังมี Upside เปิดกว้างเมื่อเทียบกับราคาหุ้นปัจจุบัน เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ และเป็นหนึ่งใน Top Pick ของกลุ่ม
(+) AH เรากลับมาจัดทำบทวิเคราะห์ และเริ่มต้นด้วยคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 47 บาท โดยมีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิ 1H18 จากการรับรู้ดอกเบี้ยรับของ SGAH ที่เริ่มตั้งแต่ 2H17 ก่อนจะกลับมาโตปกติตามกลุ่มใน 2H18 โดยเราคาดกำไรสุทธิทั้งปีนี้ที่ 1,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% Y-Y ขณะที่ การเติบโตในระยะยาวขึ้นอยู่กับส่วนแบ่งกำไรจาก SGAH ซึ่งปัจจุบันยังไม่มากนัก ส่วนด้าน Valuation ยังถือว่าไม่แพง แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาแล้ว 9% เทียบกับกลุ่มยานยนต์ที่ -0.8% YTD แต่ยังคิดเป็น PE2018-19 เพียง 8.3-8.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตของตัวเองที่ 11 เท่า สำหรับการลงทุนระยะสั้นภายในปีนี้ AH จึงดูน่าสนใจสุดในกลุ่ม แต่ระยะยาว 3-5 ปีเรามองว่าคนที่ก้าวเข้าสู้ตลาด EV ก่อนอย่าง PCSGH ดูน่าสนใจมากกว่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7 มิ.ย.
|
- ยูโรโซน: 1Q18 GDP (ครั้งที่ 3)
|
8 มิ.ย.
|
- จีน: ดุลการค้า (พ.ค.)
- ออสเตรเลีย: 1Q18 GDP
|
13 มิ.ย.
|
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
|
14 มิ.ย.
|
- ยูโรโซน: ประชุม ECB
|
15 มิ.ย.
|
- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ
|
- (+) ตลาดสหรัฐปิดเมื่อวันศุกร์ปรับตัวขึ้น หลังจากตัวเลขการจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ล่าสุดตัวเลขการว่างงานปรับตัวลงเหลือ 3.8% ต่ำสุดในรอบ 18 ปี
- (+) แม้ว่ากลุ่มประเทศ G7 จะเริ่มแสดงท่าทีไม่พอใจต่อการเก็บภาษีของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจจากทางสหรัฐที่แข็งแกร่งยังคงเป็นปัจจัยช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปให้ปรับตัวขึ้น
- (+) ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ในสัปดาห์นี้นักลงทุนยังต้องติดตามตัวเลขอัตราดอกเบี้ยนโยบายของออสเตรเลียและอินเดีย ซึ่งตลาดคาดว่าธนาคารกลางของทั้งสองประเทศจะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม
- () ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินบาทยังทรงตัวอยู่บริเวณ 32.00 บาท/ดอลลาร์
- (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ปรับตัวลง 1.23 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 65.81 ดอลลาร์/บาเรลล์ หลังตัวเลขการผลิตและแท่นขุดเจาะของสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตัวเลขแท่นขุดเจาะในสหรัฐปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 861 แท่น
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 5.40 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,299.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเด่น