|
|
|
|
|
|
"ดาวโจนส์หนุน...ส่งออก US สูงสุดเป็นประวัติการณ์ "
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ - SET Index ปรับขึ้นต่ออีก 5.99 จุด ปิดที่ 1738.70 จุด สอดคล้องกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน มูลค่าซื้อขายปานกลางที่ 58.8 พันล้านบาท ดัชนีฯปรับดีต่อเนื่อง จากปัจจัยการเมืองคือ เลือกตั้งเป็นไปตามโรดแมป ก.พ.62 รวมทั้งราคาน้ำมันพลิกกลับมาเพิ่มได้ แม้ปัจจัยต่างประเทศยังเป็นลบในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยประชุม 12-13 มิ.ย.61 นี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังร้อนแรง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทยอยปรับขึ้น รวมทั้งความกังวลสงครามการค้ายังมีอยู่ ถือได้ว่าหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นที่มีข่าวดีเฉพาะตัว เช่น MINT ซื้อหุ้น NH Hotel เพิ่มก็มีส่วนช่วยหนุนนำดัชนีฯ ด้านผู้ขายสุทธิหลักคือ รายย่อย 1.7 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิหลักคือ สถาบัน 2.8 พันลบ.
แนวโน้มและกลยุทธ์-เป็นความท้าทายที่ SET มีโอกาสจะไปต่อได้ ด้วยแรงหนุนดาวโจน์ทะยาน ตัวเลขส่งออก เม.ย.สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และการเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป และมีการเก็งกำไรกลุ่มธนาคารต่อเรื่องดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น หลังอินเดียกลับมาปรับขึ้น แต่หุ้นกลุ่มพลังงานผันผวนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลง กังวลสต็อคที่สหรัฐฯ นับว่าปัจจัยต่างประเทศเป็นลบยังกดดันอยู่ ไม่ให้ไปได้ไกลในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่สองในปีนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจการจ้างงานยังร้อนแรง สะท้อนด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทยอยปรับขึ้น และสงครามการค้า ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นบวกเรื่องเศรษฐกิจไทยดีเช่นเคย คาดว่าดัชนีฯมีโอกาสอยู่ในลักษณะลุ้นรีบาวด์ต่อ แต่มีปัจจัยต่างประเทศเป็นแรงกดดัน สัปดาห์หน้ามีเรื่องที่ต้องติดตามคือ ประชุมเฟด 12-13 มิ.ย. และการประชุม สหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ 12 มิ.ย. สัปดาห์ถัดไป-ประชุมโอเปก 22 มิ.ย. ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้แกว่งตัวบวกแคบ ส่วนดาวโจนส์ล่วงหน้า +19 จุด กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดี และมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ มีแรงกระตุ้น (Catalyst) เฉพาะตัว ตามบทวิเคราะห์ DBS ได้ นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1725-1760 จุด
Update หุ้นเด่น : CPALL- คาดว่าจะเป็นหลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์ทั้ง Theme ฟุตบอลโลก และการเลือกตั้งในปีหน้า เพราะการบริโภคจะเพิ่มขึ้น สำหรับยอดขายสาขาเดิม (SSS) ของบริษัทจะยังแข็งแกร่งต่อเนื่องจาก 1Q61 ที่ +5.6% เพราะมีการปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำตั้งแต่ 1 เม.ย.61 มีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ และเป็นช่วงฤดูร้อนที่ยอดขายเครื่องดื่มจะสูง มีประมาณการว่ากำไรสุทธิปี 61/62 จะเติบโตได้ 18%/16% ตามลำดับ บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแข็งแกร่ง กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 95.00 บาท ด้วยวิธี DCF ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีกถึง 19%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators กลับมาเป็นบวก แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ดังนั้นอาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนแล้วจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1745-1755, 1760 โดยมีแนวรับ 1730-1725 แนวตัดขาดทุนต่ำกว่า 1725 จุด |
บันทึกโดย : Adminวันที่ :
07 มิ.ย. 2561 เวลา : 10:38:48
|
|
|
|
|
ข่าวเด่น