Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาตลาดหุ้นเกิด Technical rebound ต่อเนื่องโดยมีแรงซื้อในกลุ่มพลังงานอย่าง PTTEP, PTT และโรงกลั่น IRPC อีกทั้งกลุ่ม ICT อย่าง TRUE, ADVANC, DTAC ในขณะที่ MINT กลับมามีแรงซื้อคืนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามพบแรงขายทำกำไรในกลุ่มรถไฟฟ้า BTS, BEM และโรงพยาบาล BDMS ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,738 จุด (+5.9 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.9 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 6.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 941 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,844 ล้านบาท) และเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 9,561 สัญญา
Investment theme
จับตาทิศทาง Fund Flow : ภายหลังขายทำกำไรในตลาดหุ้นนำโดย ไต้หวัน, ไทย, อินเดีย เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และอื่นๆ สูงกว่า 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายนเราเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของแรงขายของนักลงทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นลดลง โดยบางประเทศเริ่มพลิกกลับมาซื้อ ส่วนหนึ่งคาดว่าเกิดจากทิศทาง Dollar และ ส่วนต่าง Bond yield เริ่มแคบลง และสำหรับประเทศไทยพบว่านักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอแรงขายในตลาดหุ้น ,เปิด Long position SET50 และทยอยซื้อพันธบัตรอีกครั้ง (Yield 10 ปี ปรับตัวลงประมาณ 12bps เหลือ 2.58%) ในขณะที่ Earning yield gap ผลตอบแทนระหว่างการลงทุนในตลาดหุ้นและพันธบัตรกลับมาสูงขึ้นอีกครั้งที่ 3.78% (จาก 3.46% เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา) โดยเรามองว่านักลงทุนต่างชาติอาจชะลอแรงขายในตลาดหุ้น แต่จะกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้งอย่างมีนัยยะ ส่วนหนึ่งอาจรอดูแนวโน้มการประชุมธนาคารกลางสหรัฐและคำพูดของ Powell เพื่อคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3
Investment Theme: แนะนักลงทุนถือเงินสด 40% โดยกรอบแนวรับ-แนวต้านของ SET ในเดือนมิถุนายนบริเวณ 1,680-1,745 จุด แนะหันลงทุนกลุ่ม Domestic & Defensive อย่างรถไฟฟ้า (BTS, BEM ), กลุ่มอสังหาแนวราบ (GOLD, LH) พร้อมเก็งกำไรกลุ่มก่อสร้างโดยคาดเดือนนี้จะมีความคืบหน้าโครงการประมูล เช่น พระราม3 –ดาวคะนอง, ขายเอกสารคัดเลือกเอกชนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แนะเก็งกำไร CK, STEC กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – นายกเตรียมหารือพรรคการเมืองในเดือนนี้ ระบุเล็งปลดล็อคกิจกรมพรรคการเมืองเป็นรายกรณี / สหรัฐรายงานตัวเลขการค้าเดือนเม.ย. ขาดดุลลดลงเหลือ 4.6 หมื่นล้านเหรียญ ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน อย่างไรก็ตามขาดดุลการค้ากับจีนสูงขึ้น 8.1% เป็น 2.8 หมื่นล้านเหรียญ (ส่งออกไปจีนลดลงกว่า 17%) / Dollar อ่อนค่าที่ 93.5
Stock pick : PTTGC
PTTGC: ทยอยสะสม ราคาเหมาะสม 116.0 บาท/หุ้น
คาดแนวโน้มผลประกอบการ 2Q18 ที่ 1.18หมื่นล้านบาท (+68%YoY, +0.7%QoQ) มีโอกาสสูงกว่าที่ตลาดมองไว้ สนับสนุนจากธุรกิจ Olefins (สัดส่วนสูงกว่า 60%) ที่ได้ประโยชน์จากน้ำมันดิบเฉลี่ย 11%QoQ ในขณะที่เรามองว่ายังมีปัจจัยบวกจากการปรับประมาณการสมมติฐานกำไรปีนี้ขึ้น
ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 2QTD ที่เพิ่มขึ้น 11% QoQ เป็น 71 เหรียญต่อบาร์เรล ช่วยหนุนให้ราคา HDPE เฉลี่ยทรงตัวที่ 1,380 เหรียญต่อตัน แม้ส่วนต่างราคาจะหดแคบลง 8.5% QoQ ขณะที่ Upside มาจากราคา Butadiene ที่คาดปรับขึ้น 15% QoQ ช่วยชดเชยกำไรของธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ถูกกดดันจากส่วนต่างราคา PX และ BZ ที่อ่อนตัวลง 8.6-29.2%
ราคาปัจจุบันคิดเป็น PER 8.9x พร้อมันผลสูงกว่า 5.4% คงคำแนะนำซื้อ
Trading idea – กลุ่มก่อสร้างแนะซื้อ STEC, CK / เก็งกำไร PSL คาดเกิด Technical rebound จากกิจกรรมขนส่งที่กลับมาคึกคักในออสเตเรียและบราซิล
Technical View
Rebound ในขาลง พิจารณาแนวต้านเป็นขั้นๆ : แรงซื้อต่อเนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ทำให้ดัชนี Rebound ปะทะแนวต้านแรกที่ 1745 แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ สิ้นวันยังคงปิดยืนเหนือ 1730 (EMA200วัน) ได้ บวกกับ Modified Stochastic ที่ยังคงส่งสัญญาณบวก ทำให้ขณะนี้มองกรอบการแกว่ง 1730-1745 โดยหากยืน 1745 ได้จะขึ้นไปแกว่งกรอบบนที่ 1745-1760 เรายังคงให้พิจารณาแรงขายตามแนวต้านเป็นขั้นๆ หากไม่สามารถผ่านได้ยังแนะนำทยอยลดพอร์ต กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: จังหวะ Rebound มองเป็นโอกาสขาย เพื่อลดพอร์ต มองแนวต้านหลักที่ 1745, 1760 2) ไม่มีหุ้น: Trading เล่น Rebound ในกรอบ 1725-1745 เน้นซื้อแนวรับ-ขายแนวต้าน
แนวรับ : 1730, 1725 แนวต้าน : 1745, 1760
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: จับตาปัญหา Trade war / 8 มิ.ย. จีนรายงานตัวเลขการค้า
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
TRUE (B 6.70-6.80, Tp 7.00//7.25, Cut 6.60)
CPALL (B 79.00, Tp 83.00, Cut 77.50)
ข่าวเด่น