ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน ตลาดหุ้นเผชิญกับแรงขายทำกำไร (11/06/61)


 Market summary

  เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเผชิญกับแรงขายทำกำไร โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายพบแรงขายในกลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP, BANPU และกลุ่มธนาคารอย่าง KBANK, SCB อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อเด่นใน CPF และแรงซื้อต่อเนื่องในกลุ่มก่อสร้างอย่าง CK, STEC  ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,722 จุด (-11.0 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.3 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวานก่อนหน้าที่ 5.0 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่  3,274 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 872 ล้านบาท) และเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 5,548 สัญญา

Investment theme
  สัปดาห์นี้มีหลายปัจจัยต่างประเทศ   : เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมสุดยอดผู้นำระดับโลก G7 ที่แคนาดา ภาพรวมเป็นไปด้วยความตรึงเครียดภายหลังหลายผู้นำยุโรปกล่าวโจมตี Trump ทั้งเรื่องชนวนเหตุของสงครามการค้า, การคว่ำบาตรอิหร่าน และ การถอนตัวออกจากสนธิสัญญา (Paris agreement) โดย Trump ไม่ร่วมลงนามรับรองแถลงการณ์ร่วมปิดประชุม พร้อมขู่พิจารณาเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากแคนาดา ส่งผลให้ความตรึงเครียดสงครามการค้าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และในสัปดาห์นี้มีหลายปัจจัยต่างประเทศที่จะส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เริ่มต้นจากการประชุม FOMC ในวันที่ 13 มิ.ย.ที่ตลาดให้น้ำหนักโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐสูงกว่า90% เป็น 1.75-2.0% อย่างไรก็ตามแนะดู Dotplot การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีภายหลังหลายตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจสหรัฐออกมาในทิศทางดี และสุดสัปดาห์ติดตามสหรัฐแถลงรายละเอียดการขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศจีน ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันการค้าโลกและก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อในอัตราเร่ง ซึ่งคาดส่งผลต่อทิศทาง Fundflow โลก 
  Investment Theme:  แนะนักลงทุนถือเงินสด 40% โดยกรอบแนวรับ-แนวต้านบริเวณของ SET ในเดือนมิถุนายนบริเวณ 1,680-1,745 จุด แนะหันลงทุนกลุ่ม Domestic & Defensive อย่างรถไฟฟ้า (BTS, BEM ), กลุ่มอสังหาแนวราบ (GOLD, LH)  พร้อมเก็งกำไรกลุ่มก่อสร้างโดยคาดเดือนนี้จะมีความคืบหน้าโครงการประมูล เช่น พระราม3 –ดาวคะนอง, ขายเอกสารคัดเลือกเอกชนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แนะเก็งกำไร CK, STEC กลุ่มค้าปลีก HMPRO

Big issue 
  เมื่อคืนที่ผ่านมา – S&P ระบุสงครามการค้ากระทบ GDP โลกราว 1% / จีนรายงานตัวเลขการค้าเดือนพ.ค. ต่ำกว่าคาดที่ 2.49หมื่นล้านเหรียญ (ตลาดคาด 3.19หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) 5เดือนแรกเกินดุลสหรัฐ 1.04แสนล้านเหรียญ

Stock pick : SAT
SAT: ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 25.50 บาท/หุ้น 
  เรามีมุมมองเชิงบวกจากการรับฟัง Oppday เมื่อสัดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้บริหารปรับเป้ายอดผลิตรถยนต์เพิ่มเป็น 2.1ล้านคัน (เติบโต 5.5%YoY) จากเดิมที่ 2.03ล้านคัน ประกอบกับคาดบริษัทสามารถสร้างอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เราปรับเพิ่มกำไรเป็น 898ล้านบาท (+11%YoY) 
  คาดผลประกอบการ 2Q61 เติบโต YoY เป็น 180-200ล้านบาท (คิดเป็นการเติบโตประมาณ 35-50%) สนับสนุนจากยอดขายรถยนต์ และอัตรากำไร (GPM%) เพิ่มเป็น 18% จากระดับ 15% สนับสนุนจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
  ส่งผลให้เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 25.5 บาท จากเดิม 24 บาท บนฐาน P/E เท่ากับ 12 เท่า  ใกล้ค่า Forward PE+1SD=11.7x  คงแนะนำ ซื้อ 
  Trading idea – เก็งกำไร LPN (9.60-9.80 บาท) ได้รับกระแสตอบรับจากการขายโครงการ Lumpini park วิภาวดี-จัตุจักร ซึ่งทำยอดขายได้สูงกว่า 75%ของมุลค่าโครงการ 2,000ล้านบาท, Yield 5.6% /  เก็งกำไร MAJOR คาดกำไร 2Q เด่นจากหนังดังหลายเรื่อง (Avanger, Jurassic, น้องพี่ที่รัก, Deadpool) , Yield 4.8%

Technical View
  Downside ด้านล่างเปิดมากขึ้น :  แรงขายจากหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ทำให้ดัชนีปรับตัวหลุด 1730 (EMA200วัน) โดยปิด
โดดลงในช่วงท้ายเป็น Low ของวัน ส่งผลให้ Downside กลับมามีมากขึ้น ประกอบกับสัญญาณลบใน MACD ที่เริ่มมีแนวโน้มตัดเส้น Signal ลงอีกครั้ง ขณะนี้มองว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ Low 1710 และ 1700 (แนวรับกรอบ Downtrend) ตามลำดับ กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ต้องลดพอร์ตการลงทุนหลังหลุด 1730 โดยจังหวะ Rebound ยังมองเป็นโอกาสขาย เพื่อลดพอร์ต 2)  ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มที่โซนแนวรับ 1710 หากเริ่มหยุดลง อาจเล่น Rebound สั้นๆ แต่หลุด 1710 แนะนำงดเทรดในระยะสั้น
  แนวรับ : 1710, 1700 แนวต้าน : 1730, 1736

Keep an eye on...
  ปัจจัยต่างประเทศ:  จับตาปัญหา Trade war , การประชุม FED 13มิย , การประชุม ECB 14 มิย / การประชุม BoJ ในวันที่ 15 มิย
  ปัจจัยในประเทศ: -  

หุ้นเทคนิค:
  CPF (B 25.00-25.50, Tp 26.50//27.50, Cut 24.50)
  BANPU (B 21.20, Tp 22.00, Cut 21.00)


บันทึกโดย : วันที่ : 11 มิ.ย. 2561 เวลา : 09:18:41

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:28 am