Market Summary 08/06/2018
Close
|
1,722.04
|
Volume
|
Bt43,422M
|
Change
|
-11.01
|
P/E
|
17.56
|
%Change
|
-0.64%
|
P/BV
|
1.97
|
หุ้นแนะนำพิเศษ
DCC Company Visit (ราคาปิด 2.30 Bloomberg Consensus 3.52)
- ดำเนินธุรกิจผลิตกระเบื้องเซรามิกปูพื้นและปูผนังกำลังการผลิตรวม 75 ล้านตารางเมตรซึ่งปัจจุบันใช้กำลังการผลิตราว 75% โดยเน้นการจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกภายในประเทศเป็นหลักผ่านสาขา 199 สาขาซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ
- 2H61 คาดเปิดสาขานำร่องรูปแบบใหม่ที่ชลบุรีซึ่งมีพื้นที่รวม 15 ไร่ โดยจะแบ่งพื้นที่บางส่วนให้คู่ค้าอาทิ Grand Home(จำหน่ายวัสดุซ่อมแซมบ้าน) Kerry(รับส่งสินค้า) และ Wood Smith(จำหน่ายไม้ลามิเนต) เช่า ซึ่งผู้บริหารมีแผนปรับเปลี่ยนสาขาเดิมอีก 54 สาขามาเป็นรูปแบบดังกล่าวเพื่อสร้างรายได้จากค่าเช่าเพิ่มเติม
- ความเห็น ยอดขายบริษัทตลอด 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 57-60) ยอดขายบริษัททรงตัวที่ระดับ 7.2-7.4 พันล้านบาทแม้ว่าจะมีกระเบื้องจากจีนเข้ามาเป็นคู่แข่ง อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงจาก 42% สู่ 38% เนื่องจากบริษัทมีการออกแบรนด์กระเบื้องราคาถูกเพื่อจับตลาดขายส่ง โดยฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อ DCC จากที่มีการปรับแผนกลยุทธ์การปรับรูปแบบสาขาเพื่อให้มีพื้นที่เช่าราว 55 สาขาซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ในครึ่งปีหลัง ซึ่งการให้เช่าพื้นที่จะส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้น (อัตรากำไรขั้นต้นจากการเช่าสูงกว่าธุรกิจกระเบื้อง) และยอดขายของกระเบื้องของสาขานั้นๆ เนื่องจากเมื่อมีคู่ค้ามาเช่าพื้นที่จะส่งผลให้ลูกค้าเข้ามาจับจ่ายเพิ่มขึ้นด้วยเพราะสาขาของ DCC เปลี่ยนจากร้านจำหน่ายกระเบื้องเป็น one stop service ด้านการก่อสร้าง นอกจากนี้ DCC มีความโดนเด่นในฐานะการเงินที่มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของทุนเพียง 0.39 เท่า และจ่ายปันผลสม่ำเสมอปีละ 4 ครั้งคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 5.6% จึงเหมาะแก่การ “ลงทุนระยะยาว”
ส่องหุ้น
MTC แนวรับ 34.00-33.75 บาท แนวต้าน 35.75 , 37.50 บาท
ระดับราคามีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยโดยยังประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ ในขณะที่วอลุ่มซื้อขายลดลงมากในลักษณะพักฐาน หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 34.00-33.75 บาทซะก่อน มีโอกาสที่ระดับราคาจะดีดกลับขึ้นต่อได้แถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 25 วันที่ 35.75 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันที่ 37.50 บาทต่อไป
RS แนวรับ 19.50 บาท แนวต้าน 21.50 บาท
ระดับราคามีการดีดกลับขึ้นมาต่อเนื่องและทำ New high ในรอบสัปดาห์ หลังจากเกิดสัญญาณ Golden cross ไปในช่วงต้นสัปดาห์ อีกทั้งยังผ่านขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้แล้ว พร้อมปริมาณวอลุ่มซื้อขายที่เริ่มสูงขึ้น หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแถวๆ 19.50 บาทซะก่อน ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันแถวๆ 21.50 บาทต่อไป
SF แนวรับ 9.40-9.35 บาท แนวต้าน 9.60 , 9.80 บาท
ระดับราคามีการปรับตัวกลับลงมาในกรอบ BollingerTop พร้อมปริมาณวอลุ่มซื้อขายที่ลดลงแต่ยังไม่หลุดปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ซึ่งวันนี้จะขยับขึ้นมาแถวๆ 9.35 บาท หากวันนี้ระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าแนวรับดังกล่าวซะก่อนหรือเต็มที่ไม่หลุดลงมาทำ New low ต่ำกว่า 9.30 บาท ระดับราคาจึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นต่อทำ New high แถวๆ 9.60 บาทและ 9.80 บาทได้ต่อไป
Market View : กังวลสงครามการค้า
หุ้นแนะนำพิเศษ : DCC
หุ้นมีข่าว : PORT SPA JUBILE
Technical Insight : TKS CPT
SET Index วานนี้อ่อนตัวผันผวนตลอดทั้งวันทำการ ด้วยมูลค่าซื้อขายฯไม่มากก่อนสุดสัปดาห์ที่มีการติตตามการประชุม G7 เกี่ยวกับประเด็นทางการค้า นอกจากนี้ยังมีการอ่อนตัวของราคาน้ำมันในระหว่างวันทำการ กดดันกลุ่ม ENERG (PTT PTTEP) ตามมาด้วยกลุ่ม BANK ชดเชยเล็กน้อยโดยกลุ่ม ETRON โดยรวม SET Index ปิดที่ 1,722.04 จุด (-11.01 จุด) Volume 4.34 หมื่นลบ. มาจาก Foreign Net -3,274.52 ลบ. TFEX Net +14,805 สัญญา ตราสารหนี้ +540.38 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดบวกขณะที่นักลงทุนเมินความขัดแย้งเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐกับชาติพันธมิตร ในการประชุม G7
+IMF บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นปล่อยเงินกู้ 5 หมื่นล้านดอลล์อุ้มรัฐบาลอาร์เจนตินา
+กระทรวงการคลังเสนอคงภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ 7% ต่ออีก 1 ปี สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักลงทุน กรมสรรพากรมั่นใจปีนี้เก็บได้ตามเป้า 1.86 ล้านล้านบาท (ที่มาข่าวหุ้น)
-น้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากความกังวลเกี่ยวอุปทานที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากสหรัฐ สวนทางกับอุปสงค์ในจีนที่ลดลง ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ เผยแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี
-การประชุม G7 จบไม่สวยสหรัฐขู่ตั้งกำแพงภาษีรถยนต์-ชิ้นส่วนนำเข้าตอบโต้แคนาดาที่จะใช้มาตรการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าจากสหรัฐ
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.38 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท32.07 บาท/USD
**จับตา ผู้นำเกาหลีเหนือและสหรัฐประชุมกันวันที่ 12 มิ.ย. **
** 12-13 มิ.ย. ประชุม FED 14 มิ.ย. ประชุม ECB
ภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก และปัจจัยในประเทศเรื่องที่ยังใช้ VAT 7% ต่อ โดยมีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันปิดลบกังวลอุปทานและ fund flow ไหลออก ตลาดรอดูผลการประชุมผู้นำสหรัฐ-เกาหลี คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,711-1,730 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- PSL ดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น +34% ใน 7 วันที่ผ่านมาสู่ระดับ 1,391 จุด
- GOLD GULF MBK THG เข้าคำนวณ FTSE SET Mid Cap Index มีผล 18 มิ.ย.
- UVAN เก็งครม.ออกมาตรการช่วยเหลือการส่งออกน้ำมันปาล์ม
- GGC EA เดือนก.ค.รัฐปรับเพิ่มสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B20
- หุ้นที่ Laggard ดัชนี CPF CK STEC UNIQ
- JUBILE ATP30 AGE XO SSP TPCH หุ้น MAI ที่คาดว่ากำไรปี 61 เติบโต
- BANPU ราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูง 113.8$/Ton
หุ้นมีข่าว
- PORT : Company Visit (ราคาปิด 7.20 บาท) ผู้ให้บริการท่าเรือแม่น้ำครบวงจร ทั้ง 1) บริการเทียบท่าเชิงพาณิชย์ 2) บริการนำสินค้า เข้า/ออก จากตู้คอนเทนเนอร์ (CFS) และ 3) บริการซ่อมบำรุงตู้คอนเทนเนอร์ (Depot) รวมคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 80% รองลงมาเป็นการให้เช่าคลังสินค้าบนพื้นที่ Free-zone การให้บริการขนส่ง In-land และบริการ Freight Forwarder (สัดส่วนรายได้ใกล้เคียงกัน) ปัจจุบันมี Capacity 6.2 แสน TEU ต่อปี เป็นส่วนของบริษัท 4.2 แสน TEIU ต่อปี (และส่วนของบริษัทย่อย “BBT” (ถือหุ้น 51%) อีก 2 แสน TEU ต่อปี
- ปัจจัยหนุน ในช่วงที่เหลือของปี คือ 1) มีลูกค้าใหม่ทดแทน China Shipping (มูลค่าราว 40 – 50 ล้านบาท ซึ่งหายไปตั้งแต่งวด 2Q60) 2) การเข้าควบรวมกิจการของ MOL (ผู้ถือหุ้นของ BBT อีก 49%) ร่วมกับ K-Line และ NYK จนเกิดเป็น ONE พึ่งแล้วเสร็จราวเดือน เม.ย. 61 และอยู่ระหว่างการเชื่อมการบริหารจัดการภายใน คาดแล้วเสร็จราวเดือน มิ.ย. 61 ทำให้จะมี Volume กลับมาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงปลายปี และ 3) ธุรกิจ Freight Forwarder กลับมาในงวด 2Q61 อีกครั้ง จากที่หายไปตั้งแต่ 2Q60 เนื่องจากลูกค้าขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต ส่วนปี 62 ยังมีแผนขยาย Capacity ได้อีกราว 8 หมื่น TEU ต่อปี จากการย้ายส่วนงาน Depot สู่ที่ดินใหม่ในช่วง 1Q62 โดยรวมผู้บริหารมีแนวโน้มปรับเป้าหมายการเติบโตของปี 61 จากที่ 10%YoY ภายหลังรายงานผลประกอบการงวด 2Q61
- ความเห็น เป็นผู้ประกอบการท่าเรือพาณิชย์รายเล็กที่มีจุดเด่นเฉพาะตัว จากการให้บริการ Full Service และการเป็น Partner กับสายเรือใหญ่ของโลก ทำให้การ Ramp-up กำลังการให้บริการสามารถเพิ่มขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว สะท้อนจากปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง QoQ (3Q60 1.12 แสน TEU 4Q60 1.26 แสน TEU 1Q61 ที่ 1.43 แสน TEU) หลังจากที่สูญเสียลูกค้ารายใหญ่ในงวด 2Q60 และยังพร้อมด้วยปัจจัยหนุนดังกล่าว ทำให้แม้ราคาปัจจุบันจะมี Current PER ถึง 40.28 เท่า แต่หากพิจารณาในด้าน Forward PER ในอีก 1 – 2 ปี ยังน่าสนใจ “ถือ” แต่ต้องติดตาม Volume ที่จะมาจาก ONE หลังจากแก้ปัญหาด้านบริหารอย่างใกล้ชิด
- SPA (ราคาปิด 16.9 “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 19.2 บาท) ส่งสัญญาณผลงานครึ่งปีแรกพุ่ง 15-20% หลังนักท่องเที่ยวไหลเข้าไทยเพียบหนุนยอดใช้บริการโต 10-15% ฟากผู้บริหารปักธงรายได้ปี 2561 ทะยาน 25% เล็งผุดสาขาใหม่ในประเทศอีก 9 สาขา จากที่ผ่านมาเปิดแล้ว 1 สาขา ส่วนสาขาเดิมคาดโตไม่ต่ำกว่า 10% ( ที่มา : ทันหุ้น)
- ความเห็น : การเปิดสาขาใหม่ได้ตามกำหนด ทำให้เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ที่ 227 ลบ. +30 %YoY และคาดแนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q61 จะสามารถเติบโตได้ในทิศทางเดียวกับจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนเม.ย. ราว 3,092,725 คน +9.4 %YoY (ที่มา : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) แต่มีแนวโน้มชะลอตัว QoQ จากปัจจัยด้านฤดูกาล อย่างไรก็ตามมีปัจจัยเรื่องสาขาแฟรนไชส์ในจีนและกัมพูชา ซึ่งหากประสบความสำเร็จ จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตครั้งใหม่
- +JUBILE (ราคาปิด 23.70 ซื้อ ราคาเหมาะสม 31.65) ทุ่มงบกว่า 50 ลบ.จัดงาน Mid Year Expo 21-24 มิ.ย.รับกำลังซื้อฟื้น หนุนผลงาน Q2/61 โต YoY และ QoQ
- +COMAN ได้รับ BOI กิจการซอฟต์แวร์ประเภท Enterprise Software และ Digital Content
- +JWD ทุ่มงบกว่า 315 ลบ.ลงทุนในกัมพูชา เพิ่มถือหุ้นเป็น 14.61% ในบ.ทำนิคมฯ ,ซื้อหุ้น 40% ธุรกิจคลังสินค้า-บริการขนส่ง
- -TRC เตรียมชงบอร์ดบริหารกลางปีนี้ปรับเป้ารายได้ปี 61 จากเดิมคาด 8 พันลบ.หลังโครงการโปแตซล่าช้ากว่าแผน
ข่าวเด่น