Market summary

  เมื่อวานที่ผ่านมา ตลาดหุ้นมีแรงซื้อกลุ่ม Domestic play นำโดยกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL, BJC, HMPRO, GLOBAL, ROBINS และกลุ่มธนาคารอย่าง KBANK, BBL และ SCB  ในขณะที่พบแรงขายทำกำไรในกลุ่ม ICT อย่าง TRUE, ADVANC และ DTAC กลุ่มโรงกลั่นอย่าง IRPC, TOP, SPRC ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,727 จุด (+4.1 จุด ) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.0 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวานก่อนหน้าที่ 3.7 หมื่นล้านบาท
  นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่  1,466 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ1,329 ล้านบาท) และเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 8,148 สัญญา

Investment theme
  Trump-Kim จบสวย จับตา Powell พูด    : เมื่อวานที่ผ่านมาการพบปะกันครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง 2 ประธานาธิบดีสหรัฐและเกาหลีเหนือ Trump และ Kim Jong Un จบลงอย่างราบรื่น โดยร่วมลงนามยุติการทดสอบขีปนาวุธพร้อมพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง 2ประเทศ โดยสรุปเรามีมุมมองเชิงบวกซึ่งถือเป็นการลดความเสี่ยง Geopolitical risk เรื่องคาบสมุทรเกาหลีได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังคงต้องติดตามซึ่งมีความเสี่ยงในระดับสูงที่จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้นั้นคือ Trade war ซึ่งแนะติดตามการเผยรายละเอียดจากทั้งฝั่งสหรัฐกับจีน และจากยุโรป-สหรัฐ กลับมาที่การประชุม FOMC ในคืนวันนี้ โดยเราและตลาดมีมุมมองสอดคล้องกัน กล่าวคือ FED ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 1.75-2.0% อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่สำคัญกว่านั้นคือการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐอย่างคุณ Powell ที่คาดจะกล่าวถึงประเด็นตัวเลขเศรษฐกิจและแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี (แนะดู Dotplot) ต่อโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จาก 3 เป็น 4 ครั้ง โดย 1 ครั้งที่มีโอกาสเกิดขึ้น เราคาดจะอยู่ในไตรมาส3 (เดือนกันยายน) ซึ่งตลาดปรับเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆจาก 32% เป็น 63% อาจเป็นปัจจัยกดดัน Bond yield และค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นต้นทุนการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในภูมิภาค 
  Investment Theme:  แนะนักลงทุนถือเงินสด 40% โดยกรอบแนวรับ-แนวต้านบริเวณของ SET ในเดือนมิถุนายนบริเวณ 1,680-1,745 จุด แนะหันลงทุนกลุ่ม Domestic & Defensive อย่างรถไฟฟ้า (BTS, BEM ), กลุ่มอสังหาแนวราบ (GOLD, LH)  พร้อมเก็งกำไรกลุ่มก่อสร้างโดยคาดเดือนนี้จะมีความคืนหน้าโครงการประมูล เช่น พระราม3 –ดาวคะนอง, ขายเอกสารคัดเลือกเอกชนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แนะเก็งกำไร CK, STEC กลุ่มค้าปลีก HMPRO

Big issue 
  เมื่อคืนที่ผ่านมา – BTS คาดได้ข้อสรุปพันธมิตรการร่วมกลงทุนในรถไฟความเร็วสุงเชื่อม 3 สนามบินใน ส.ค.-ก.ย.  / Trump เชิญ Kimไปสหรัฐ / Dollar กลับมาแข็งค่าที่ 93.8 / สหรัฐรายงานเงินเฟ้อเดือนพ.ค.สูงกว่าคาดที่ 2.8% สูงที่สุดในรอบ 6 ปี

Stock pick : BANPU
BANPU: เก็งกำไรราคาเหมาะสม 25.0 บาท/หุ้น 
  เรามองว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสหนึ่ง และคาดฟื้นตัวเด่นในไตรมาสสอง จากปริมาณผลิตถ่านหินที่จะเพิ่มขึ้น โดย CEY คาดเพิ่ม 0.9 ล้านตันเป็น 3.5ล้าน และ ITM คาดเพิ่ม 0.8 ล้านเป็น 5.1 ล้านตัน ส่งผลให้ Margin ขยายตัว และ ธุรกิจไฟฟ้า (BPP) คาดขยายตัวตาม Seasonal อีกทั้งเป็นหุ้นที่ได้อานิสงค์บวกจากบาทอ่อน (Fx-gain)
ราคาถ่านหินยืนในระดับสูงสุดของปีที่บริเวณ 115 เหรียญ/ตัน ให้ สนับสนุนจาก Inventory ในจีนที่ต่ำ ในขณะที่ Demand จากอินเดีย, ญี่ปุ่น อยู่ในระดับสูง ในขณะที่ความต้องการยังอยู่ในระดับสูง ถือเป็น Sentiment บวกต่อราคาถ่านหินต่อการเก็งกำไร Trading range มองกรอบแนวต้านบริเวณ 22.0 และ 22.50 พร้อม Cut loss หากต่ำกว่า 19.70 บาท
  Trading idea – เก็งกำไร BBL ราคาเป้าหมาย 235.0 บาท  

Technical View

  แกว่งในกรอบ 1715-1745 :  แรงซื้อกลับจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และค้าปลีก ทำให้ดัชนีมีแรง Rebound แต่ยังคงไม่สามารถปิดยืนเหนือ 1730 (EMA200วัน) ทำให้ระยะกลางยังคงมองเป็นการแกว่งในกรอบ 1715-1745 ซึ่งในระยะสั้นจะมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นหากสามารถปิดยืนเหนือ 1730 ยังมองว่าจังหวะ Rebound ระหว่างวันมองเป็นโอกาสขายเพื่อลดพอร์ต เนื่องจากแนวโมหลักเป็นขาลง กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1715-1745 โดยจังหวะ Rebound ยังมองเป็นโอกาสขาย เพื่อลดพอร์ต 2)  ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1715-1745 เน้นขึ้นขาย-ลงซื้อ
  แนวรับ : 1715, 1710 แนวต้าน : 1736, 1745

Keep an eye on...
  ปัจจัยต่างประเทศ:  จับตาปัญหา Trade war, การประชุม FED 13 มิ.ย. , การประชุม ECB 14 มิ.ย. / การประชุม BoJ ในวันที่ 
15 มิ.ย.
  ปัจจัยในประเทศ: -  

หุ้นเทคนิค:
  CPALL (B 79.00-80.00, Tp 83.00, Cut 78.00)
  BDMS (B 25.00, Tp 27.00, Cut 24.70)