คำแนะนำ
ถ้ารับความเสี่ยงได้อาจรอเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,289 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,280ดอลลาร์ต่อออนซ์) หรือหากรับความเสี่ยงได้ไม่มากอาจเลือกชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคา
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,289 1,280 1,271
แนวต้าน 1,307 1,315 1,325
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ในระหว่างวันร่วงลงมาแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,291.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ สถานการณ์ดังกล่าวกดดันดัชนีดาวโจนส์ให้ร่วงลงกว่า 100 จุดและกดดันราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยให้อ่อนตัวลงในช่วงแรก ก่อนที่ทองคำจะฟื้นตัวขึ้นภายหลังจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ประกอบกับมีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความวิตกกังวลเกี่ยวสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนและชาติพันธมิตรซึ่งช่วยจำกัดความเสี่ยงด้านต่ำ(Downside Risk) และหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นได้แม้เฟดจะส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าเดิมก็ตาม สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดค้าปลีกและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ อีกทั้งต้องจับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)หลังตลาดคาดว่า ECB อาจส่งสัญญาณลดวงเงิน QE หรือ ยุติ QE ภายในปีนี้ซึ่งหากเป็นจริงดังคาด อาจส่งผลหนุนยูโรและทองคำเพิ่มเติมได้
ปัจจัยทางเทคนิค
ราคาทองคำได้ขยับขึ้นหลังจากอ่อนตัวลง แต่โดยรวมราคายังคงเคลื่อน ไหวในกรอบ ดังนั้นคาดว่าจะเกิดการดีดตัว(Rebound)กลับ โดยมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,307 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากทะลุขึ้นมาได้ แนวต้านถัดไปจะอยู่ที่ 1,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับนั้นอาจต้องพิจารณา 1,289 และ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เสี่ยงเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,289 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตการลงทุนหากราคาหลุด 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นให้พิจารณาโซน 1,307-1,315 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร
ข่าวเด่น