ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.โนมูระ พัฒนสิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน คาดตลาด 'สร้างฐาน' ต้าน 1718/1724 จุด (15/06/61)


 “The Day of FTSE Rebalance”

CNS Daily Strategy : คาดตลาด “สร้างฐาน” ต้าน 1718/1724จุด รับ 1703/1697จุด ECB ประกาศคงดอกเบี้ย และขยาย QE จากเดิม ใช้ QE ที่ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงก.ย. เพิ่มเป็นใช้ QE ต่อที่ระดับ 1.5 หมื่นล้านยูโรในต.ค.-ธ.ค. และสิ้นสุดธ.ค. รวมถึงปรับลดคาดการณ์ GDP 2018 ลงสู่ 2.1% จาก 2.4% ด้วย ทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่า หนุนค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าเด่น กดดันตลาดสินทรัพย์เสี่ยง แต่การยุติ QE ในสิ้นปีนี้ของ ECB + สหรัฐฯขาดดุลการค้าในสัดส่วนที่สูง คาดยังทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าในระยะกลาง-ยาวได้ จะทำให้ช่วง 2H18 ตลาดเอเซียฟื้นตัว วันนี้แนะ Theme “Domestic Play” : STEC, CPALL, BH

Nomura : Key Factors

  • (+) EU: ECB ประกาศคงดอกเบี้ย และขยาย QE ต่อที่ 1.5 หมื่นล้านยูโรในต.ค.-ธ.ค.
  • (*) EU: ECB ปรับลดคาดการณ์ GDP 2018 ลงสู่ 2.1% จาก 2.4%
  • (*) Trade: สหรัฐฯเตรียมประกาศรายชื่อสินค้าจีนที่จะถูกเก็บภาษีนำเข้า5หมื่นล้านดอลลาร์
  • (*) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI +0.38% สู่ $66.89/bbl / BRT -1.04% สู่ $75.94/bbl
  • (*) TH: FTSE Rebalance จะมีผลราคาปิดวันที่ 15 มิ.ย.
  • (*) TH: ติดตามการประกาศหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับงวด 2H18
  • (-) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-9,643ลบ.,Short Future -979สัญญา,ขายBond -1,983ลบ.

Nomura Daily Top Picks: STEC, CPALL, BH

Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “สร้างฐาน” แนวต้าน 1718/1724จุด รับ 1703/1697จุด

ผลการประชุม ECB วานนี้ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม และจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูร้อนของปีหน้า (ช่วงมิ.ย.-ส.ค) รวมถึงประกาศขยาย QE จากเดิม ใช้ QE ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย. เพิ่มเป็น ECB จะใช้ QE ต่อที่ระดับ 1.5 หมื่นล้านยูโรในเดือนต.ค.-ธ.ค. และจะยุติมาตรการ QE ภายในสิ้นเดือนธ.ค. ซึ่งถือว่า In-line กับที่ Nomura คาดการณ์ไว้ โดยน่าจะเป็นผลมาจากตัวเลขเศรษฐกิจของยูโรโซนในช่วงก่อนหน้าที่ต่ำคาด ซึ่งทำให้ทาง ECB ปรับลดคาดการณ์ GDP 2018 ลงสู่ 2.1% จาก 2.4% ด้วย ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าระยะสั้น หนุนค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าสู่ 94.96 กดดันสินทรัพย์เสี่ยงสั้นๆ แต่การยุติ QE สิ้นปีนี้ของ ECB จะหนุนเงินยูโรแข็งค่าในระยะกลาง-ยาว ผสานกับการที่สหรัฐฯยังขาดดุลการค้าในสัดส่วนที่สูง ท้ายที่สุดจะทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าในระยะกลาง-ยาว จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นเอเซียในช่วง 2H18 อีกทั้งวันนี้ FTSE Rebalance จะมีผลที่ราคาปิด ซึ่ง FTSE All World ประกาศออกมาแล้ว มีหุ้นไทยเข้าใหม่ 2 บริษัท คือ GULF เข้า FTSE Mid Cap และ TOA เข้า FTSE Small Cap และลดน้ำหนัก CPF ทำให้เราประเมินว่าหลังพ้นการสร้างฐานวันนี้ ตลาดจะฟื้นตัวต่อเนื่องในสัปดาห์หน้า แนะนำนักลงทุนให้ทยอยตั้งรับหุ้นพื้นฐานในวันนี้ ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ 1) สหรัฐฯเตรียมประกาศรายชื่อสินค้าจีนที่จะถูกเก็บภาษีนำเข้าวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ อาจทำให้จีนตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้าสหรัฐ ประเภทถั่วเหลือง, เคมีภัณฑ์, รถยนต์ และเครื่องบิน ได้ 2) การประกาศหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับงวด 2H18

Asset allocation : หุ้น 75% และเงินสด 7.5% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5%

Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสม Domestic Play KBANK, BBL, ROBINS, GLOBAL, CPALL, TOA, AMATA, WHA, CK, STEC, PYLON, BH, AOT, ERW และ ปิโตรเคมี(IVL, IRPC) วันนี้เน้น “Domestic Play”

    รฟท ส่งมอบพื้นที่การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรีและสาย สีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ได้ในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ บวกต่อ STEC, BTS, PYLON
    FIFA World Cup Play 2018 SET มักให้ผลตอบแทนเฉลีย 4.4% โดยหุ้นที่มักOutperform คือ CENTEL, CPALL, MINT, KTB, SCB, BBL, KBANK, IVL, ROBINS
    BRI Play : ภาครัฐย้ำ EEC จะเป็น Engine growth สำคัญผลักดันไทยไปสู่ Valued driven economy และจะเร่งโครงการเร่งด่วน EEC 6.8 แสนลบ.ให้จบทัน 1Q19F และเตรียม Roadshow (ฝรั่งเศส, อังกฤษ, เกาหลี) ปลายเดือน +  รฟม.” ชงบอร์ด 22 มิ.ย.นี้ เพื่อเปิดประมูลงานโยธารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ วงเงิน 1.3 แสนล้านบาท + หนุน BANK(BBL, KBANK),รับเหมา(CK, STEC PYLON, SEAFCO), นิคม(AMATA, WHA) และกลุ่มทุน PTT-BTS-STEC-RATCH
    การเลื่อนการใช้พรบ.ควบคุม non-bank เป็น sentiment เชิงบวกในระยะสั้นต่อ MTC
    FTSE Rebalance มีผลราคาปิดวันที่ 15 มิ.ย. : เน้นกลุ่ม FTSE All World (เทียบเท่า MSCI) : มีเข้าใหม่ 2 บริษัท คือ GULF เข้า FTSE Mid Cap (เม็ดเงิน 40 ล้านเหรียญ) และ TOA เข้า FTSE Small Cap
    Portfolio Top Picks JUNE 2018 แนะนำ AMATA, BBL, CPALL, IVL, PYLON, STEC, BH

Investment Theme:

2Q18 Theme Domestic : Scent of Election & Domestic Confidence
Best Picks 2Q18 : CPALL, ROBINS, GLOBAL, KBANK, TMB, TOA, AMATA,  IVL, IRPC, BH, MONO
1) Consumer & Farm Income Related : CPALL, ROBINS, GLOBAL,  MONO, JUBILE, SNC
2) Investment Related : KBANK, BBL, TMB, TOA, SCC, GLOBAL, HMPRO, STEC, CK, PYLON
3) Property : GOLD, LH, AP, SIRI, SC, BLAND
4) Tourism Internal & External Support : BH, BDMS, AOT, ERW, BTS
5) Global Play : IVL, IRPC and eye on PTL, AJ

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

STEC (TP18F 29.5*):  Support 22.2/21.7 Resistant 23.1/23.6

  • Theme: Investment related play
  • Earnings Outlook: คาดกำไรปี 2018F เพิ่มจากฐานต่ำ +337% y-y จากเริ่มรับรู้รายได้งานก่อสร้างและอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้น โดย Backlog สูงระดับแสนลบ. เป็นจุดสูงสุดในประวัติการณ์ และ Secured รายได้ 3-4 ปีข้างหน้า โดย Highlight สำคัญอยู่ที่ การตั้งสำรองโครงการ Margin ต่ำ/ความล่าช้าจบไปแล้ว  ช่วงที่เหลือจะเริ่มเห็น Margin ดีขึ้น
  • Valuation: ราคาหุ้นปรับฐาน -5% ในช่วง 2 วันนี้ แต่ยังเป็นภาพขาขึ้นและชะลอความแรงก่อนหน้าที่ Outperform มาก มองเป็นจุดเข้าลงทุนอีกรอบ + ยัง under own โดยซื้อขายเพียง P/BV18F 3.2x ยังเหมาะสมจากความสามารถในการทำกำไรสูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง
  • Catalyst: รฟม.จะส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าชมพูและเหลือง 29 มิ.ย. นี้ หนุน STEC (ภายใต้ JV BSR) รับรู้รายได้ + ปัจจัยการเมืองเป็นบวก จะกระตุ้นการเร่งรัดโครงการลงทุนรอบใหม่ใน 2H18F โดยเฉพาะโครงการใน EEC มูลค่ารวม 6.8 แสนลบ. + ภาพระยะกลาง – ยาว บวกจาก EEC, Belt Road Initiative (เส้นทางสายไหมไทย - จีน)

CPALL (TP18F 102*):   Support 78.0/77.5 Resistant 80.0/81.25

  • Theme: Domestic play
  • Earnings Outlook: คาดกำไร 2018F ยังเพิ่มขึ้น 20% ตามการบริโภค โดย SSSG คาด +4% + สาขาใหม่ 700 แห่งและทิศทางกำไรระยะยาวยังสดใส จากโมเดลธุรกิจแข็งแกร่ง สาขาครอบคลุม + เน้นด้านอาหาร ซึ่งมั่นคงและ Margin สูง 
  • Valuation: ราคาหุ้นที่ปรับลงมา 7%ใน2เดือนที่ผ่านมา ตามกลุ่ม Big cap และเม็ดเงินต่างชาติที่ขายหนัก พ.ค. ขณะที่เชิงพื้นฐานยังเติบโตดี 20%y-y เรามองเป็นจุดเข้าลงทุนที่ดี ซื้อขาย PER18F 30x เท่า ยังต่ำกว่าช่วงพีคที่เคยสูง 35x และเป็น Big cap ที่ยังเติบโตดี 
  • Catalyst: เริ่มเห็นกระแสเงินต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเมื่อศุกร์ที่ผ่านมาเป็นวันแรก + ภาวะการบริโภคที่ดีขึ้นแบบกระจายตัว + มีสถิติราคาหุ้นย้อนหลังช่วงบอลโลก Outperform ตลาดเฉลี่ย +9.7%

BH (TP18F 225*): Support 191/189.5 Resistant 196.5/199

  • Theme: Domestic Play
  • Earnings Outlook: ชื่อเสียงของรพ.ที่จะดึงดูดทั้งผู้ป่วยและแพทย์มือดี ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่รักษาความสามารถในการแข่งขันระยะยาว และยังมีราคาถูกกว่าการรักษาในต่างประเทศ โดยแนวโน้ม 2Q18F คาดกำไรราว 990 ล้านบาท (+3%y-y -6%q-q) จากผู้ป่วยไทยที่ยังเพิ่มขึ้น ชดเชยช่วง Low season ของกลุ่มตะวันออกกลาง
  • Valuation: เป็น Defensive play ที่น่าสนใจในช่วงที่ตลาดยังผันผวน นอกจากนี้ราคายัง Laggard BDMS มองราคาอยู่ในจุดที่ Downside จำกัด   และมี PER 18F อยู่ที่ 34.4 x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มเล็กน้อยที่ 38x
  • Catalyst: ราคาหุ้น Laggard BDMS โดยตั้งแต่ 9 พ.ค. ราคา BDMS +12% ในขณะที่ BH  +4% และอิงการท่องเที่ยวที่เป็นขาขึ้น + เข้าสู่ช่วงฤดูฝนเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มร.พ.

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 มิ.ย. 2561 เวลา : 10:08:24

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 4:09 am