Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาตลาดหุ้นเผชิญกับแรงขายสูง นำโดย กลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP ภายหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงกว่า 3% ในขณะที่ SCC และโรงกลั่นอย่าง TOP, IRPC, BCP ก็มีแรงขายเด่นเช่นกัน อย่างไรก็ตามพบแรงซื้อในกลุ่ม Domestic อย่าง ADVANC, INTUCH, BTS, KTB, KBANK ณ.สิ้นวัน SET ปิดตลาดที่ 1679 จุด (-25.0จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.1 หมื่นลบ. ลดลงเมื่อเทียบกับวานก่อนหน้าที่ 6.8 หมื่นลบ.
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 2,806 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ1,829 ล้านบาท) และเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 3,521สัญญา
Investment theme
ปัจจัยต่างประเทศยังมีหลายปัจจัยลบ แต่ในประเทศบวกอ่อนๆ รอซื้อที่แนวรับ : ปัจจุบันการลงทุนเริ่มมีความเสี่ยงขึ้นภายหลังหลายปัจจัยต่างประเทศกดดันการลงทุนในตลาดหุ้น Emerging market ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินไหลออกจากภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากสาเหตุของการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในช่วงครึ่งปีหลังแล้วเราพบว่า อีกหนึ่งเหตุผลคือ การปรับประมาณการ EPS ระหว่างตลาดหุ้น EM ลงในขณะที่ DM ถูกปรับขึ้น ล่าสุดเกิดสัญญาณกดดันสินทรัพย์เสี่ยงได้แก่ ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 2/10ปี ปรับลดลงต่ำกว่า 40bps จาก 290bps ในปี2011 (ต่ำสุด นับตั้งแต่ปี 2007) โดย 3 ครั้งล่าสุดในปี 1990,2000,2007 ที่ Spead ตกลงมาในระดับนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกผันผวนอย่างมาก (แต่ปัจจัยนี้มองได้หลายมุม ฉะนั้นแนะรอดู) และสำหรับปัจจัยการลงทุนในประเทศบวกอ่อนๆ โดยล่าสุดนายกประยุทธ์ได้นำร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญการได้มาซึ่งส.ว.และการเลือกตั้งส.ส. ทั้ง 2 ฉบับขึ้นทูลเกล้า ซึ่งกรอบการเลือกตั้งคาดจะอยู่ในช่วง 90+90+150 หรือประมาณ 330 วัน นับจากช่วงนี้ ในขณะที่เริ่มมีเอกชนเดินหน้าเข้าซื้อซองประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแล้ว ประกอบกับผลิต,ยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนพ.ค.เติบโตสูงกว่า 14% และ 28% ตามลำดับ
Investment Theme: แนะนักลงทุนถือเงินสด 40% โดยกรอบแนวรับของ SET ในเดือนมิถุนายนบริเวณ 1,680 จุด แนะหันลงทุนกลุ่ม Domestic & Defensive อย่างรถไฟฟ้า (BTS, BEM ), กลุ่มอสังหาแนวราบ (GOLD, LH) พร้อมเก็งกำไรกลุ่มก่อสร้างโดยคาดเดือนนี้จะมีความคืนหน้าโครงการประมูล เช่น พระราม 3 –ดาวคะนอง, ขายเอกสารคัดเลือกเอกชนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แนะเก็งกำไร CK, STEC กลุ่มค้าปลีก HMPRO
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ปรับเพิ่มขึ้นที่ 90.2 จากเดือนเม.ย.ที่ 89.1 / รฟม.เตรียมชงบอร์ด 22 มิ.ย.นี้ เรื่องแผนร่วมทุน PPP-Net cost รถไฟฟ้าสายสีส้ม / Trump เตรียมพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า 10% ใน วงเงินสูงกว่า 2.0 แสนล้านเหรียญ
Stock pick : N/A
Trading idea – ทยอยสะสม กลุ่มธนาคาร BBL / เก็งกำไร KCE (37.0-39.0) ภายหลังราคาทองแดงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 4% ในขณะที่ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าที่ 32.6 / เก็งกำไร CPF คาดผลประกอบการพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไรใน 2Q61 เนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซั่นของการส่งออก และราคาหมูเฉลี่ยในไทยฟื้นตัวราว 29% QoQ มาที่ 60 บาท/กก. ราคาหมูในเวียดนามฟื้นตัว 30% QoQ และกว่า 70% YoY มาที่ 40,000 VND/กก.
Technical View
1650 แนวรับสุดท้ายที่ไม่ควรหลุด : ดัชนีเปิด Gap หลุดแนวรับสำคัญ 1700 จุด โดยระหว่างวันแทบไม่มีแรง Rebound อย่างเด่นชัด สำหรับกราฟรายสัปดาห์พบว่าในอดีต SET Index เป็นขาขึ้นตั้งแต่ปี 2016 ไม่เคยหลุดเส้น EMA60Week ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 1700 หากกราฟรายสัปดาห์ไม่สามารถยืนได้จะมีมุมมองเชิงลบ และจะมัมุมมองเชิงลบมากขึ้นหากปิดหลุดแนวรับกรอบ Uptrend ระยะยาวที่ 1650
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ต้อง Stop Loss หลังดัชนีหลุด 1700 หากยังมีหุ้นจังหวะ Rebound มองเป็นโอกาสขายลดพอร์ต 2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มจนกว่าดัชนีจะเริ่มมีแนวโน้มหยุดลงที่ชัดเจน
แนวรับ : 1665, 1650 แนวต้าน : 1690, 1700
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: จับตาปัญหา Trade war, การประชุม OPEC 22 มิ.ย.
ปัจจัยในประเทศ: การประชุม BoT 20 มิ.ย.
หุ้นเทคนิค:
KBANK (B 196.00-197.00, Tp 204.00 // 208.00, Cut 195.00)
AOT (B 66.00, Tp 68.00, Cut 65.00)
ข่าวเด่น