“Thailand Future Fund Play”
CNS Daily Strategy : คาดตลาด “Rebound” ต้าน 1693/1700จุด รับ 1665/1660จุด Trump เตรียมพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าที่เหลือจากจีน 10% วงเงินกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มความเสี่ยงทางการค้า กดดันตลาดสินทรัพย์เสี่ยง แต่คาดแรงหนุนภายในจะช่วยพยุงตลาด หลังตัวเลขเศรษฐกิจไทยเติบโตดี ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว และดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่วานนี้ต่างชาติเริ่มขายลดระดับลง หลัง SET ลงมาต่ำกว่า PER17F 15X (Avg 15.7) เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทย วันนี้แนะ Theme “Thailand Future Fund Play” : CK, STEC, BBL
Nomura : Key Factors
- (*) Trade: Trump เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าที่เหลือจากจีน 10% อีก 2 แสนล้านเหรียญ
- (+) TH: ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนพ.ค.ที่ระดับ 2.75ล้านคน เติบโต +6.35%
- (+) TH: ทอท.เร่งออก TOR โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่3 ภายในปีนี้
- (+) TH: ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ที่ 90.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 89.1
- (+) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI +1.21% สู่ $65.85/bbl / BRT +2.59% สู่ $75.34/bbl
- (-) Fund Flow:ล่าสุดขายหุ้น-2,806ลบ.,Short Future -3,521สัญญา,ขายBond -9,125ลบ.
Nomura Daily Top Picks: STEC, CK, BBL
Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “Rebound” แนวต้าน 1693/1700จุด รับ 1665/1660จุด ความเสี่ยงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนเพิ่มมากขึ้น หลังประธานาธิบดี Donald Trump มีคำสั่งให้ USTR ศึกษาสินค้าที่เหลือเพื่อเตรียมพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน 10% วงเงินสูงกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนกังวลต่อผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งยังคงเป็นประเด็นกดดัน Sentiment การลงทุนโลก แต่อย่างไรก็ดี คาดแนวโน้มในประเทศที่สดใสจะช่วยจำกัด Downside ตลาดได้ นำโดย ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนพ.ค.ที่ระดับ 2.75ล้านคน เติบโต +6.35% ส่งผลให้ช่วง 5เดือนแรกของปีมีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 16.46ล้านคน ขยายตัว +12.62% กระตุ้นการบริโภคในประเทศอย่างต่อเนื่อง ผสานทอท.เร่งออก TOR โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่3 ภายในปีนี้ และจะเริ่มเปิดประมูลต้นปี 2019 เพิ่มแรงเก็งกลุ่มอิงการลงทุนเด่น โดยเศรษฐกิจภายในที่เติบโตดี ประกอบกับมาตรการภาครัฐฯที่ต่อเนื่องนี้ กระตุ้นความเชื่อมั่นในประเทศฟื้นตัวขึ้น สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ที่ 90.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 89.1 อีกทั้งแรงขายต่างชาติเริ่มลดระดับลงเหลือ -2.8พันล้านบาท จากสัปดาห์ก่อนวันละ -7.4-9พันล้านบาท หลัง SET ลงมาต่ำกว่า PER17F 15X (Avg 15.7) ทำให้สภาพคล่องภายในน่าจะเข้ามาพยุงตลาดได้ เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยใกล้จุดฟื้นตัว
Asset allocation : หุ้น 75% และเงินสด 7.5% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5%
Daily Strategy : ถือหุ้น 75% Sector Rotation เน้นสะสม Domestic Play KBANK, BBL, ROBINS, GLOBAL, CPALL, TOA, AMATA, WHA, CK, STEC, PYLON, BH, AOT, ERW และ ปิโตรเคมี(IVL, IRPC) วันนี้เน้น “Thailand Future Fund Play”
BRI Play : ภาครัฐย้ำ EEC จะเป็น Engine growth สำคัญผลักดันไทยไปสู่ Valued driven economy และจะเร่งโครงการเร่งด่วน EEC 6.8 แสนลบ.ให้จบทัน 1Q19F โดยวันนี้จะมีการขายซอง TOR Hispeed เชื่อมโยง 3 สนามบิน และรัฐเตรียม Roadshow (ฝรั่งเศส, อังกฤษ, เกาหลี) ปลายเดือน + รฟม.” ชงบอร์ด 22 มิ.ย.นี้ เพื่อเปิดประมูลงานโยธารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ วงเงิน 1.3 แสนล้านบาท หนุน BANK(BBL, KBANK),รับเหมา(CK, STEC PYLON, SEAFCO), นิคม(AMATA, WHA) และกลุ่มทุน PTT-BTS-STEC-RATCH
ICT : คาด ADVANC INTUCH และ TRUE Outperform หลังทุกค่ายไม่เข้าประมูลคลื่น 1800 MHz
รฟท ส่งมอบพื้นที่การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรีและสาย สีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ได้ในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ บวกต่อ STEC, BTS, PYLON
FIFA World Cup Play 2018 SET มักให้ผลตอบแทนเฉลีย 4.4% โดยหุ้นที่มักOutperform คือ CENTEL, CPALL, MINT, KTB, SCB, BBL, KBANK, IVL, ROBINS
การเลื่อนการใช้พรบ.ควบคุม non-bank เป็น sentiment เชิงบวกในระยะสั้นต่อ MTC
Portfolio Top Picks JUNE 2018 แนะนำ AMATA, BBL, CPALL, IVL, PYLON, STEC, BH
Investment Theme:
2Q18 Theme Domestic : Scent of Election & Domestic Confidence
Best Picks 2Q18 : CPALL, ROBINS, GLOBAL, KBANK, TMB, TOA, AMATA, IVL, IRPC, BH, MONO
1) Consumer & Farm Income Related : CPALL, ROBINS, GLOBAL, MONO, JUBILE, SNC
2) Investment Related : KBANK, BBL, TMB, TOA, SCC, GLOBAL, HMPRO, STEC, CK, PYLON
3) Property : GOLD, LH, AP, SIRI, SC, BLAND
4) Tourism Internal & External Support : BH, BDMS, AOT, ERW, BTS
5) Global Play : IVL, IRPC and eye on PTL, AJ
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
STEC (TP18F 29.5*): Support 21.7/21.0 Resistant 22.7/23.0
- Theme: Investment related play
- Earnings Outlook: คาดกำไรปี 2018F เพิ่มจากฐานต่ำ +337% y-y จากเริ่มรับรู้รายได้งานก่อสร้างและอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้น โดย Backlog สูงระดับแสนลบ. เป็นจุดสูงสุดในประวัติการณ์ และ Secured รายได้ 3-4 ปีข้างหน้า โดย Highlight สำคัญอยู่ที่ การตั้งสำรองโครงการ Margin ต่ำ/ความล่าช้าจบไปแล้ว ช่วงที่เหลือจะเริ่มเห็น Margin ดีขึ้น
- Valuation: ราคาหุ้นปรับฐาน -5% ในช่วง 5 วันนี้ แต่ยังเป็นภาพขาขึ้นและชะลอความแรงก่อนหน้าที่ Outperform มาก มองเป็นจุดเข้าลงทุนอีกรอบ + ยัง under own โดยซื้อขายเพียง P/BV18F 3.2x ยังเหมาะสมจากความสามารถในการทำกำไรสูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง,
- Catalyst: รองนายกเน้นย้ำให้กรมทางหลวงเป็นผู้ดำเนินการ ยื่นไฟลิ่ง Thailand Future Fund ให้กลต.ในก.ค.18 นี้ และขายหน่วยลงทุนให้นักลงทุนเดือนก.ย.18 เป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มรับเหมา เพิ่มความชัดเจน เดินหน้าเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐาน
CK (TP18F 38*): Support 26/25.5 Resistant 27.0/27.75
- Theme: Investment related play
- Earnings Outlook: ฐาน Backlog ที่มีสูงกว่า 7 หมื่นลบ. จะรองรับรายได้ล่วงหน้าระดับสูงอีก 2 ปี ขณะที่คาดมีงานประมูลภาครัฐเริ่มตั้งแต่ 2Q18 มูลค่า 4หมื่นลบ. และ 3Q18 3.5 แสนลบ. (ทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง, รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, รถไฟความเร็วสูงเฟส 2 ฯลฯ)
- Valuation: ราคาหุ้นซื้อขายที่ PBV18F 1.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯที่ 2.05 เท่า ในขณะที่การประมูลจะมีมากขึ้นตั้งแต่ปลาย 2Q18 เป็นต้นไป
- Catalyst: รองนายกเน้นย้ำให้กรมทางหลวงเป็นผู้ดำเนินการ ยื่นไฟลิ่ง Thailand Future Fund ให้กลต.ในก.ค.18 นี้ และขายหน่วยลงทุนให้นักลงทุนเดือนก.ย.18 เป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มรับเหมา เพิ่มความชัดเจน เดินหน้าเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐาน
BBL (TP18F 222*): Support 195.5/193.5 Resistant 201/203
- Theme: Domestic Play
- Earnings Outlook: เราคาดกำไรสุทธิ 2Q18F เติบโต y-y ผลักดันจากสินเชื่อยังเติบโตได้ ประกอบกับสามารถรักษา NIM ใกล้เคียงเดิมได้จากต้นทุนเงินทุนที่ลดลง ทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และคาดกำไรสุทธิ 2018F เติบโต +9% สูงกว่ากลุ่มฯ จากผลกระทบของการลดค่าธรรมเนียม น้อยกว่ากลุ่ม
- Valuation: ราคาหุ้นกลุ่ม BANK ที่ YTD -10% vs SET -6% ถือว่าสะท้อนปัจจัยกดดันไปมากแล้ว มองเป็นจุดซื้อที่มี Downside ต่ำหวัง Rebound โดย BBL มีผลกระทบจากการลดค่าธรรมเนียมน้อยสุดและมี PBV18F เพียง 0.9x (ค่าเฉลี่ย – 0.5 SD) และต่ำกว่ากลุ่มมาก (1.4x)
- Catalyst: มีความเป็นไปได้สูงในการเลื่อนการใช้ IFRS9 ออกไป 1 ปี + NPL กลุ่มผ่านจุดสูงสุดแล้ว + การลงทุนรอบใหญ่คาดจะเริ่ม 2H18F หนุนโอกาสปล่อยสินเชื่อขยายตัว
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)
ข่าวเด่น