ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน ตลาดเผชิญกับแรงขายทำกำไรอีกครั้ง (22/06/61)


 Market summary

  เมื่อวานที่ผ่านมา ตลาดเผชิญกับแรงขายทำกำไรอีกครั้ง นำโดยหุ้นใหญ่อย่าง PTT, SCC, CPALL , ADVANC และกลุ่มโรงกลั่นอย่าง TOP, IRPC, SPRC และ DOD ถูกแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตาม มีแรงซื้อเด่นใน LH ภายหลังบริษัทแจ้งผู้ถือหุ้นใหญ่ทำคำเสนอซื้อราคาสูงกว่ากระดาน และ KCE จากปัจจัยบวกของค่าเงินบาท ณ.สิ้นวัน SET ปิดตลาดที่ 1,634 จุด (-29.8จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 6.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวานก่อนหน้าที่ 5.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่  3,845 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,159 ล้านบาท) และเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 1,938สัญญา

 Investment theme
  ปัจจัยต่างประเทศยังมองเป็นความเสี่ยง (Risk-off) ติดตามการประชุม OPEC สุดสัปดาห์นี้: วันนี้ยุโรปจะมีการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 25% วงเงินประมาณ 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐนำโดยสินค้าเกษตรและรถ ในขณะที่แคนนาดาเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเช่นเดียวกันที่ในวันที่ 1 ก.ค. และในวันที่ 6 ก.ค. สหรัฐและจีนจะเริ่มขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าหากันทั้ง 2 ฝั่ง ด้วยวงเงินเริ่มต้นประมาณ 5.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยผู้บริหาร Daimler (บริษัทแม่ Mercedes Benz) ระบุว่ากำไรของบริษัทมีแนวโน้มปรับลดลงจากยอดขายที่ต่ำลงและ Margin ที่ลดลง หากจีนออกมาตราการนำเข้าภาษีรถยนต์จากสหรัฐ โดยเราประเมินว่าประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับผลกระทบสูงหากจีน-สหรัฐเปิดฉากสงครามการค้าขึ้น เนื่องจากเป็นประเทศที่มีรายได้จากการส่งออกสินค้า Intermediate goods ที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐจีนสูงเมื่อเทียบกับ GDP  และติดตามการประชุม OPEC สุดสัปดาห์นี้เราประเมินว่า หากผลออกลดกำลังการผลิตเหลือต่ำกว่า 8 แสน-1ล้านบาร์เรล ราคาน้ำมันมีโอกาสถูกแรงขายกดดัน ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดัน SET ในสัปดาห์หน้า 
  Investment Theme:  เราประเมินแนวรับบริเวณ 1,620 จุด ปัจจุบันตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่สภาวะ Risk Off จากประเด็นสงครามการค้าที่เริ่มรุนแรงขึ้น ซึ่งยังไม่สามารถประเมินผลกระทบอย่างชัดเจน เนื่องจากมาตรการดังกล่าวที่มีผลจริงในวันที่ 6 ก.ค.นี้ สำหรับนักลงทุนระยะยาว คงคำแนะนำ Wait&See เพื่อรอความชัดเจน ในขณะที่หุ้นยังอยู่ในพอร์ตอย่างกลุ่ม Domestic ได้แก่กลุ่มรถไฟฟ้า BTS, BEM กลุ่มอสังหา GOLD, LH เรามองว่ายังถือต่อได้

Big issue
  เมื่อคืนที่ผ่านมา –  ก.พาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือนพ.ค.เติบโต 11.4% สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 9.9% โดย 5 เดือนแรกเติบโต 11.55% เกินดุลการค้า 1.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ  / คุณวิรไท ระบุเงินเฟ้อยังไม่ถึงเป้า ไร้แรงกดดันดอกเบี้ย



Stock pick : N/A
  Trading idea – สำหรับนักลงทุนระยะสั้น เรามองกรอบการเก็งกำไรบริเวณ 1,620-1,680 จุด แนะเก็งกำไร CPF คาดผลประกอบการพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไรใน 2Q61 เนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซั่นของการส่งออก และราคาหมูเฉลี่ยในไทยฟื้นตัวราว 29% QoQ มาที่ 60 บาท/กก. ราคาหมูในเวียดนามฟื้นตัว 30% QoQ และกว่า 70% YoY มาที่ 40,000 VND/กก. / และ ทยอยสะสม CPN

Technical View


  หลุดแนวรับ 1630 มองแนวรับถัดไปบริเวณ 1600 :  ดัชนีไม่มีแรง Rebound ต่อจากวันก่อนหน้า และหุ้นในกลุ่ม Big Cap. ส่วนใหญ่ยังเกิดแรงขาย ทำให้ดัชนีปรับตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณโซนแนวรับ 1630 อีกครั้ง ซึ่งหากหลุดแนวรับดังกล่าวคาดดัชนีจะแกว่งตัวลงทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ 1600 ที่เป็นแนวรับของกรอบ Uptrend ระยะยาวในกราฟรายสัปดาห์ (รูปเล็ก) แต่หาก Rebound ระหว่างวันยังมองเป็นโอกาสขายเพื่อลดพอร์ต
  กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: จังหวะ Rebound มองเป็นโอกาสขายลดพอร์ต แต่หากหลุด 1630 แนะนำ Stop Loss 2)  ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มที่แนวรับต่างๆ จนกว่าดัชนีจะมีแนวโน้มหยุดลงอย่างชัดเจน
  แนวรับ : 1615, 1600 แนวต้าน : 1640, 1650

Keep an eye on...
  ปัจจัยต่างประเทศ:  จับตาปัญหา Trade war, การประชุม OPEC 22 มิ.ย.  
  ปัจจัยในประเทศ:  -

หุ้นเทคนิค:
  BEM (B 7.50-7.60, Tp 8.00 // 8.20, Cut 7.40)
  BDMS (B 25.00, Tp 27.00, Cut 24.70)


บันทึกโดย : วันที่ : 22 มิ.ย. 2561 เวลา : 09:18:25

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:55 am