คำแนะนำ
เน้นเก็งกำไรในกรอบในทิศทางขาลง โดยเปิดสถานะขายในโซน 1,267-1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาผ่าน1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,242 1,234 1,222
แนวต้าน 1,267 1,276 1,284
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 6.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์และร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือนบริเวณ 1,254.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างวัน โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.882% จากการที่นักลงทุนกลับมาโฟกัสที่แนวโน้มการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ประกอบกับดัชนีดาวโจนส์กลับมาปิดบวกอีกครั้งซึ่งลดความน่าสนใจในการเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลง นอกจากนี้จากการเก็บข้อมูลโดย Reuters พบว่า ปริมาณการถือครองทองคำของกองทุน ETF ในเดือนมิ.ย.มีแนวโน้มจะร่วงลงสู่ระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2017 จากแรงขายของนักลงทุนเพื่อชดเชยการขาดทุนในตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์และสินทรัพย์อื่น ๆในช่วงที่ผ่านมาจากความวิตกเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าต่างๆเป็นปัจจัยกดดันทองคำเพิ่ม อย่างไรก็ดีกองทุน SPDR กลับมาถือครองทองคำเพิ่ม +4.42 ตันหลังจากลดการถือครองต่อเนื่องเกือบ 1 เดือน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งและยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,267 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายเนื่องจากครั้งที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามหากการอ่อนตัวลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,242 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าอาจเกิดการดีดตัวขึ้นได้ในระยะสั้น
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
รอจังหวะการเปิดสถานะขาย โดยอาจใช้บริเวณ 1,267-1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และตัดขาดทุนหากราคาทะลุผ่าน 1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงมา และสำหรับนักลงทุนที่ถือสถานะขายอยู่ แนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,242 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงไป
ข่าวเด่น