Market summary
เมื่อวานเป็นอีกวันที่ตลาดหุ้นผันผวน โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงซื้อเด่นในกลุ่มรถไฟฟ้า BEM กลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BH, BDMS อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายตลาดเกิดแรงขายเด่นใน BEAUTY, TRUE, SCB ,IRPC, RS ณ.สิ้นวัน SET กลับมาปิดที่ 1,599.8 จุด (-19.1 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวานก่อนหน้าที่ 5.2 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายหุ้นไทยที่ 2,123 ล้านบาท และเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 4,458 สัญญา
Investment theme
หาก 6 ก.ค. ไม่สามารถเจรจา แนะระมัดระวังการลงทุนในกลุ่ม Commodity : เหลือเวลาอีก 7 วันก่อนถึงวันที่ 6 ก.ค. ที่จะครบกำหนดมีผลการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าระหว่าง 2 ประเทศ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก วงเงินประมาณ 5.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในสินค้าหลายพันชนิด นำโดยรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์และอื่นๆ โดย IMF ประเมินผลกระทบว่าการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้า 10% อาจส่งผลต่อการปรับตัวลงของ GDP โลกประมาณ 1.75% และ World Bank ประเมินว่าทุกๆการกีดกันการค้า 5.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จะกระทบต่อการค้าโลกลดลง 9% ซึ่งหากเกิดสงครามการค้าขึ้นจริง เราประเมินว่ากลุ่มที่อิงกับสินค้าโภคภัณฑ์จะผันผวน แนะหลีกเลี่ยงการซื้อขาย ล่าสุดเราเริ่มเห็นราคาสินค้าหลายตัวปรับตัวลง MTD เช่น ทองแดง (-3%),อลูมิเนียม (-3.8%), ถั่วเหลือง(-16%) กลับมาที่ประเทศไทย เมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงการคลังรายงานหลายตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในเดือนพ.ค.พบว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเช่น โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงกว่า 69.9% ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรเติบโต 16% รายได้เกษตรกรที่แท้จริงปรับขึ้น 9% (สูงสุดในรอบ 13 เดือน) ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์เติบโต 8.1% (สูงสุดในรอบ 59 เดือน) สอดคล้องกับมุมมองของเรา กล่าวคือ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศในอ่อนๆ อย่างไรก็ตาม แนะจับตาการส่งออกภายหลังเราเริ่มเห็นสัญญาณการส่งออกสินค้าไปสหรัฐ-จีน สัดส่วนลดลง ภาพรวมคงคำแนะนำระมัดระวังการลงทุนในบริษัทที่อิงกับปัจจัยต่างประเทศ หันเข้าลงทุนกลุ่ม Domestic
Investment Theme: สำหรับนักลงทุนระยะยาว คงคำแนะนำชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน Trade war ซึ่งจะมีผลจริงในวันที่ 6 ก.ค. แนะจับตาข้อสรุปการกีดกันการลงทุนจากประเทศจีน โดย CFIUS ซึ่งจะส่งผลอย่างมีนัยยะต่อชนวนสงครามการค้า
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ค่าการกลั่นกลับมายืนที่ 4.21 เหรียญ / สหรัฐรายงาน GDP ไตรมาสหนึ่งต่ำกว่าคาดที่ 2.0% / ญี่ปุ่นรายงานเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.สูงกว่าคาดที่ 0.7%YoY
Stock pick : N/A
Trading idea – สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำเก็งกำไร GOLD (คาดกำไรทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องใน 2 ปีข้างหน้า) / เก็งกำไร PTTEP / เก็งกำไร BEM
Technical View
หลุดแนวรับ Uptrend ระยะยาว Downside เปิด : ดัชนีแกว่ง Sideway Down ตลอดทั้งวัน และในช่วงตลาดใกล้ปิดเกิดแรงขายอย่างหนัก ส่งผลให้ดัชนีปิดหลุด 1600 และถือว่าหลุดเส้นแนวรับ Uptrend ระยะยาว ทำให้ Downside เปิดมากขึ้น มองว่ามีโอกาสอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1580 และ 1550 (EMA200Week) ตามลำดับ ยังคงมองว่าจังหวะ Rebound ระหว่างวันมองเป็นโอกาสทยอยลดพอร์ต
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : หลุด 1615 ต้อง Stop Loss ตามคำแนะนำก่อนหน้า และจังหวะ Rebound ระหว่างวันยังมองเป็นโอกาสขายเพื่อลดพอร์ต 2) ไม่มีหุ้น : รอดูแนวโน้มที่แนวรับจนกว่าจะเริ่มมีแนวโน้มหยุดลงที่ชัดเจนมากกว่านี้
แนวรับ : 1580, 1550 แนวต้าน : 1610, 1620
Keep ane eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: จับตาปัญหา Trade war
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
BEM (B 7.45-7.55, Tp 8.00// 8.20, Cut 7.40)
BJC (B 50.00, Tp 52.50, Cut 49.00)
ข่าวเด่น