ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน คาดยังผันผวน แม้ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ (29/06/61)


 ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้

  (+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +98.46, NASDAQ +58.60, S&P +16.68, FTSE -6.06, CAC -51.56 และ DAX -171.38
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธนาคาร ขณะที่ยังคงติดตามนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด หลัง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะมอบหมายให้คณะกรรมการการลงทุนของต่างประเทศในสหรัฐฯ (CFIUS) เป็นผู้ดูแล กรณีที่บริษัทต่างชาติ รวมถึงจีน ต้องการจะซื้อกิจการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯที่มีความอ่อนไหว ซึ่งนายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ระบุว่า แผนการข้างต้น ไม่ได้บ่งชี้ว่าสหรัฐฯ จะอ่อนข้อให้กับจีน โดย ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการให้คณะกรรมการ CFIUS เป็นผู้ตัดสินใจว่าเมื่อใดที่บริษัทจีนควรจะถูกระงับการเข้าถือครองบริษัทในสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายปกป้องอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
ทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด (1) ประมาณการครั้งสุดท้าย – 1Q/61 ขยายตัว 2.0% ต่ำกว่าประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ซึ่งอยู่ที่ 2.3% และ 2.2% ตามลำดับ ขณะที่คาด GDP – 2Q/61 ขยายตัว 3.0% จากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนฟื้นตัว ส่วนหนึ่งจากมาตรการปรับลดภาษีวงเงิน 1.5 ล้านล้านUSD และ (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ล่าสุดเพิ่มขึ้น 9,000 ราย อยู่ที่ 227,000 ราย สูงกว่าคาดว่าจะอยู่ที่ 220,000 ราย 
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน ซึ่งมีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$0.69 อยู่ที่ US$73.45 ต่อบาร์เรล ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าคาด และคาดการณ์ว่า ตลาดน้ำมันอาจประสบภาวะตึงตัว หากสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน
  โดยรัฐบาลสหรัฐฯ สั่งห้ามบริษัทน้ำมันซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านภายในวันที่ 4/11/61 มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐฯ ทำการคว่ำบาตร ซึ่งครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อเดือนพ.ค. ซึ่งจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ โดยปัจจุบันอิหร่านส่งออกน้ำมันมากกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. -US$5.1 อยู่ที่ US$1,251.0ต่อออนซ์ ยังได้รับปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่า ทำให้ความน่าสนใจลดลงสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,123 ล้านบาท ยอดสะสม -182,900 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท และปี’60 ขายสุทธิสะสม 25,755 ล้านบาท)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 29 มิ.ย. – 3 ก.ค.’61
29/6/61 สหรัฐฯ เปิดเผย
  (1) ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) - พ.ค.
  (2) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.

2/7/61 สหรัฐฯ เปิดเผย
  (1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.
  (2) ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.

3/7/61 สหรัฐฯ เปิดเผย
  (1) ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค.

 ทิศทางตลาด
  คาดยังผันผวน? แม้ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ แต่คาดการเคลื่อนไหวยังคงมีความผันผวนตามตลาดต่างประเทศ ที่ไร้ทิศทาง (+/-) ภายใต้ปัจจัยเดิม (+) หุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้ง 3 ตลาด  (WTI, Brent และ Dubai) เฉลี่ย 74 – 78 USD/bbl หลังสหรัฐฯ เตือนประเทศต่างๆ ให้ยุติการซื้อน้ำมันจากอิหร่านภายในวันที่ 4/11/61 ซึ่งครบกำหนด 180 วัน ที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ลดลงมากกว่าคาด
แต่ (-) นโยบายการค้า ที่มีความไม่แน่นอน คาดยังคงสร้างความผันผวนให้กับภาพรวมตลาด โดยเฉพาะต่อนโยบายการจำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศทั่วโลก (รวมจีน) ที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาต่อสินค้าเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ซึ่งยังมีความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ จากก่อนหน้านี้คาดเป็นการจำกัดการลงทุนเพียงประเทศจีน? และจับตาในวันที่ 30/6/61 ที่เดิมจะมีการประกาศมาตรการจำกัดการลงทุนจากจีน?
  พร้อมติดตามสถานการณ์สงครามการค้า หากมีความรุนแรงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจโลก หลังข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ และคู่ค้ารายใหญ่ เช่น จีน และกลุ่ม EU ซึ่งยังคงมีการตอบโต้กันไปมา
  และ (-) นโยบายการเงิน หลังเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือน ก.ย. และ ธ.ค. ทำให้คาดทั้งปีนี้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง คาดสิ้นปี’61 อยู่ที่ 2.25 – 2.50% พร้อมติดตามเงินสหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่า ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำ ที่ซื้อขายในรูปเงินสหรัฐฯ ปรับลดลง แต่ในทางกลับกันกลุ่มส่งออกคาดได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่าลง ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 33.20 บาท/USD อ่อนค่าสุดในรอบปี
  ส่วนประเด็นในประเทศ คาดยังได้รับ Sentiment ลบ จาก Fund Flow ภายใต้แรงขายสุทธิของต่างชาติ ส่งผลให้ YTD ยอดขายสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มูลค่าสูงเกือบ 183,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากมีการกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจน (คาดภายในก.พ.’62) คาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นการลงทุนกลับมา โดยเฉพาะจากต่างชาติกลับเข้ามาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามยังแนะติดตาม Window Dressing – 2Q/61 ในสัปดาห์นี้ (ถึง 29/6/61) พร้อมแรงเก็งกำไรต่อผลประกอบการ – 2Q/61 
  ขณะที่ในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับ Sentiment บวกจากโครงการ EEC คาดส่งผลดีต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ภายใต้โครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน ล่าสุดเปิดขายซองประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา) ช่วงวันที่ 18/6/61 – 9/7/61 มูลค่าเงินลงทุน ประมาณ 2.2 แสนล้านบาท โดยให้เอกชนร่วมลงทุนรูปแบบ net cost  อายุโครงการ 50 ปี และกำหนดยื่นซองประมูล 12/11/61 คาดลงนามสัญญาต้นปี’62

 และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL เป็นต้น
  (2) กลุ่มพลังงาน ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูง เช่น PTT, PTTEP เป็นต้น
  (3) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากโครงการ EEC คาดได้รับประโยชน์จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน
  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.85% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.06 อยู่ที่ 16.85
  หุ้นแนะนำ : MTC


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 มิ.ย. 2561 เวลา : 09:39:21

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:20 am