คำแนะนำ
เน้นเก็งกำไรฝั่งขายโดยมีแนวต้านบริเวณ 1,254-1,267 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับขึ้นควรขายทำกำไรหากราคาทองคำไม่ผ่านโซนแนวต้านดังกล่าว
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,242 1,234 1,222
แนวต้าน 1,254 1,267 1,276
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือนจากแรงซื้อเก็งกำไร ประกอบกับสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังสกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 1.5275 ดอลลาร์ที่ทำไว้ในวันพฤหัสบดี จากการที่เหล่าผู้นำในสหภาพยุโรป(EU)สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับนโยบายผู้อพยพได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งช่วยคลายความตึงเครียดในหมู่ชาติสมาชิก EU และลดแรงกดดันทางการเมืองภายในของเยอรมนี อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงดีดตัวขึ้นในกรอบจำกัดเช่นเดิมและปิดระดับสัปดาห์ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน นอกจากนี้ในเดือนมิ.ย.ราคาทองคำยังปิดระดับด้วยการปรับตัวลดลง -3.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายเดือนที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2016 อีกทั้งยังปิดไตรมาส 2/2018 ด้วยการปรับตัวลดลง -5.5% ซึ่งเป็นสถิติการร่วงลงในรายไตรมาสที่รุนแรงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2016 ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลงในวันศุกร์ -1.47 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
แม้จะมีแรงซื้อให้ราคาดีดตัวขึ้นแต่ยังคงเห็นแรงขายกดดันสลับออกมาเช่นกัน ทั้งนี้ หากการดีดตัวของราคายังคงจำกัดหรือมีแรงซื้อไม่มากพอจนดันราคาให้ยืนเหนือแนวต้าน 1,254-1,267 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจทำให้เกิดแรงขายกดดันให้ปรับตัวลงสู่ระดับ 1,242-1,234 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรในบริเวณ 1,254-1,267 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือถ้ารับความเสี่ยงได้อาจเปิดสถานะซื้อใหม่หากเกิดการอ่อนตัวลงมาและราคาทองคำไม่หลุด 1,234 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามลดพอร์ตการลงทุนฝั่งซื้อลงหากราคาหลุด 1,234 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น