ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน เมื่อวานที่ผ่านมา SET เกิด Tehnical rebound (04/07/61)


 Market summary

  เมื่อวานที่ผ่านมา SET เกิด Tehnical rebound นำโดยแรงซื้อในกลุ่มปิโตร อย่าง IVL, PTTGC และโรงพยาบาลอย่าง BDMS, BH กลุ่มรถไฟฟ้าอย่าง BEM, BTS กลุ่มก่อสร้าง STEC, CK และค้าปลีกอย่าง BJC, CPALL และกลุ่มอาหารส่งออกอย่าง CBG, TKN  ณ.สิ้นวัน SET กลับมาปิดที่ 1,626.4 จุด (+19.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 4.8 หมื่นล้านบาท
  นักลงทุนต่างชาติกขายหุ้นไทยที่ 3,288 ล้านบาท (สถาบันซื้อ 4,453 ล้านบาท)  แต่ยังคงเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 9,860 สัญญา

Investment theme
  จับตาการประชุมข้อสรุปอิหร่าน ผลต่อทิศทางราคาน้ำมัน :  ในวันศุกร์ที่ 6 ก.ค.นี้ นอกเหนือจากจะเป็นวันที่ครบกำหนดขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากว่าพันรายการ ระหว่างสหรัฐและจีนแล้ว ยังเป็นวันเดียวกับที่อิหร่านจะมีการหารือกับประเทศมหาอำนาจอย่างจีน,เยอรมัน,อังกฤษ,รัสเซีย ที่กรุงเวียนนาเพื่อร่วมกันหามาตรการแก้ไขข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ภายหลังเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สหรัฐได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงและยังขู่ให้ประเทศพันธมิตรเพิ่มมาตราการคว่ำบาตรยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน (มีผล 4 พ.ย.) ซึ่งหากยุโรปเห็นด้วยกับสหรัฐในการกีดกัดการค้าและคว่ำบาตรอิหร่าน เราประเมินผลกระทบดังกล่าว 1) อิหร่านมีโอกาสถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ Geopolitical risk กลับมาตรึงเครียดอีกครั้ง และ 2) แต่ในระยะสั้นอาจเป็นแรงผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น จาก Supply ที่ลดลง และสำหรับภาพรวมการลงทุนเดือนกรกฎาคม เราประเมินปัจจัยลบกดดันการลงทุนเบาบางลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยประเมินว่า Fund flow ที่ไหลออกจากตลาดหุ้น EM มากกว่า 1.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐและ Bond yield ที่ปรับขึ้นได้สะท้อน Dotplot โอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในเดือนกันยายนไปบางส่วน โดยปัจจุบัน SET ซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง PER 5 ปี ที่ 14.7เท่า สำหรับนักลงทุนระยะสั้นเรามองกรอบการเก็งกำไรบริเวณ 1,600+/- จุด แนะเลี่ยงหุ้นกลุ่ม Goods ที่ได้รับผลกระทบจาก Tradewar และหันเข้าลงทุนกลุ่ม Domestic
Investment Theme:  สำหรับนักลงทุนระยะยาว คงคำแนะนำชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน Trade war ซึ่งจะมีผลจริงในวันที่ 6 ก.ค. แนะจับตาข้อสรุปการกีดกันการลงทุนจากประเทศจีน โดย CFIUS ซึ่งจะส่งผลอย่างมีนัยยะต่อชนวนสงครามการค้า

Big issue
  เมื่อคืนที่ผ่านมา –  ครม.มีมติขยายเวลาคง VAT ที่ 7% / ค่าเงินหยวน/ดอลลาร์กลับมาทรงตัวที่บริเวณ 6.64 (จากระดับ 6.70 เมื่อวันก่อน) ภายหลัง PBoC แถลงต้องการทำให้ค่าเงินมีเสถียรภาพมากขึ้น

Stock pick : N/A

Trading idea – สำหรับนักลงทุนระยะสั้น  แนะเก็งกำไร STEC (ราคาเป้าหมาย 25.0 บาท) / GOLD (คาดกำไรทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องใน 2 ปีข้างหน้า) / ทยอยสะสม TPIPP (คาดกำไร Q2 ทำสถิติสูงสุด, ปันผล 7.2%) , ทยอยสะสม BCP (เรามีมมุมมองเชิงบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์) ปัจจุบัน  Downside จำกัด ปันผล 5.6%  แนะซื้อราคาเป้าหมาย 44.0 บาท

Technical View
  เริ่มสร้างฐานและดีดตัวกลับเป็นโอกาสเล่น Rebound สั้นๆ :  หลังจากดัชนีไม่สร้าง Low ใหม่ ก็เกิดแรง Rebound ต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า พร้อมกับ Modified Stochastic ที่ตัดขึ้นจากเขต Oversold ระยะสั้นจึงมองว่าดัชนีมีโอกาส Rebound มองแนวต้านที่ 1635 และ 1645 แต่เนื่องจากแนวโน้มหลักยังเป็นขาลง จึงมองว่าจะเป็นเพียง Rebound สั้นๆ เท่าทนั้น และยังมองเป็นโอกาสทยอยลดพอร์ตสำหรับคนติดหุ้น
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : จังหวะ Rebound ระหว่างวันยังมองเป็น โอกาสเทรดสั้นๆ หรือ ขายเพื่อลดพอร์ต  2)  ไม่มีหุ้น : มองเป็นโอกาสเล่น Rebound สั้นๆ มองกรอบการแกว่ง 1610-1645 เน้นขึ้นขาย-ลงซื้อ
แนวรับ : 1610, 1620 แนวต้าน : 1635, 1645

Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ:  จับตาปัญหา Trade war  / 5 ก.ค. รายงานการประชุม Minute
ปัจจัยในประเทศ:  -
หุ้นเทคนิค:
IVL (B 56.00-57.00, Tp 59.00// 62.00, Cut 55.00)
PTTEP (B 132.00, Tp 138.00, Cut 130.00)


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 ก.ค. 2561 เวลา : 09:31:01

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 2:52 am