ตลาดฟื้นตัวจากแรงซื้อเพื่อส่งมอบหุ้นคืน (cover short) ทำให้อาจจะยังไปไม่ได้ไกล

  ตลาดหุ้นเกิดใหม่และเอเชียวานนี้ฟื้นตัวขึ้นขึ้นหลังค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ทำให้สกุลเงินในเอเชียชะลอการอ่อนค่า เป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมุมมองเดิมว่าการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของตลาด หรือการเกิดภาพการกลับตัวของดัชนี จำเป็นต้องให้จีนยุติการทำสงครามค่าเงิน (Currency war) ให้หยวนอ่อน เพื่อหักล้างสงครามการค้าและการเก็บภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้สกุลเงินในเอเชีย กลับมามีเสถียรภาพ และยุติการไหลออกของเม็ดเงิน
  SET Index ขึ้นทดสอบกรอบบนของช่วงการแกว่งที่ 1590-1630 จุด ทั้งนี้การฟื้นตัวของหุ้นไทยจากภาวะขายมากเกินวานนี้ค่อนข้างโดดเด่น ซึ่งเราคาดว่าเกิดจากการแย่งซื้อเพื่อส่งมอบหุ้นคืนหลังการขายช็อต (cover short) ซึ่งจะทำให้ดัชนีปรับขึ้นเร็วในช่วงแรก แต่ไม่ยั่งยืน โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1660 จุด โดยคาดตลาดเลือกผลักดันหุ้นรายตัวที่ปรับลดลงมามาก และมีการถือครองน้อย (under-owned) หุ้นที่คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดี หรือผ่านจุดต่ำสุด อาทิ BBL, BANPU, RATCH, SAPPE, GUNKUL*, PSTC*, AEONTS*
กลุ่มที่ควรระวัง โรงกลั่น, หุ้นกลุ่มเหล็ก คาดจะมีผลประกอบการไตรมาส 2/61 ค่อนข้างอ่อนแอ การเก็งกำไรเป็นแค่ Money game ที่ควรกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง
Investment Theme 1) ธนาคารเล็กโดนผลกระทบฟรีค่าธรรมเนียมต่ำกว่า TISCO, KKP, TCAP 2) หุ้นที่ซื้อขายด้วย Valuation ที่ไม่แพง BBL, KTB, KBANK, ROBINS, SPALI, AP, RATCH 3) เก็งกำไรหุ้นส่งออก KCE, HANA, DELTA, GFPT* 4) กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP, BANPU หาจังหวะเก็งกำไรแบบตั้งรับเมื่ออ่อนตัวหรือมี panic sell 
ภาพรวมกลยุทธ์: เก็งกำไรรายตัวลุ้นทะลุกรอบบนของการแกว่ง 1590-1630 จุด เพื่อลุ้นอัพไซด์อีกราว 20-30 จุด // หุ้นแนะนำวันนี้ RATCH, BBL, AEONTS / เก็งกำไร GOLD* (เป้า 12 ตัดขาดทุน 10.00), BEC (เป้า 8.70 ตัดขาดทุน 7.60)
แนวรับ 1598 / แนวต้าน : 1627 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

ประเด็นการลงทุน
  จนท.แบงก์ชาติอังกฤษส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด – นายมิเชล ซอนเดอร์ส หนึ่งในสมาชิกกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารอังกฤษส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
  กกร.ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP และ กรอบเงินเฟ้อ – กกร.ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 61 ขึ้นเป็น 4.3-4.8% จากเดิมที่ 4.0-4.5% รวมถึงปรับกรอบอัตราเงินเฟ้อทั่วไปขึ้นเป็น 0.9-1.5% จากเดิมที่ 0.7-1.2% เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจ จากมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นของภาคการส่งออกและท่องเที่ยว
  สรท.คงเป้าส่งออกไทยปีนี้ที่ 8% – สรท.คงเป้าการส่งออกไทยปี 61 เติบโตที่ระดับ 8% แต่ได้ปรับสมมตืฐานค่าเงินบาทมาอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่มองผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าคาดเห็นผลชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
  ครม.ขยายเวลา VAT 7% ออกไปอีก 1 ปี – ครม.มีมติเห็นชอบขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ 7% ออกไปอีก 1 ปี ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.61 โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค.61-30 ก.ย.62 เบื้องต้นคาดทำรัฐสูญเสียรายได้ 2.58 แสนลบ.
  SAWAD (Not rated) – เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน BFIT เป็น 45.34% (จาก 36.35%) ทำให้จะรับรู้ประโยชน์จากส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการปล่อยกู้ผ่าน BFIT ทำให้มีความน่าสนใจในเชิงเก็งกำไร เป้าหมายทางเทคนิคมีแนวต้านที่ 37 และ 42 บาท
ประเด็นติดตาม: 6 ก.ค. – FOMC meeting minutes, ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ, มาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้า จีน-สหรัฐฯ มูลค่า 34 พันล้านเหรียญฯ มีผลบังคับใช้
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)