กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Dividend Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดหลังจากรีบาวด์ขึ้นมาติดต่อกัน 2 วันก่อนหน้าราว 30 จุด โดยแรงซื้อหลักๆยังมาจากฝั่งสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิหนาแน่นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันอีก 4.7 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องอีก 2.3 พันลบ. (แต่ยัง Long Index Futures อีกเ 7.3 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways ต่อเนื่อง โดยต้องจับตาประเด็นการค้าว่าสหรัฐฯจะเดินหน้าเก็บภาษีสินค้าจีนตามแผนในวันที่ 6 ก.ค. หรือไม่ หลังล่าสุดจีนแจ้งว่าจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มเก็บภาษีก่อน ซึ่งหากท่าทีของสหรัฐฯออกมาในเชิงอ่อนข้อหรือผ่อนคลายขึ้นเรามองว่าตลาดมีโอกาสที่จะตอบรับเชิงบวกและมีโอกาสที่กระแสเงินทุนจะชะลอการไหลออก อย่างไรก็ตามเราคาดกลุ่มพลังงานอาจมีแรงกดดันจากทรัมป์ที่ต้องการให้ OPEC ลดราคาน้ำมัน เราจึงยังเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Domestic และ Dividend Play
กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนในหุ้น Domestic และหุ้นปันผลสูง
หุ้นเด่นเดือนก.ค. : BANPU, CPF, EPG, PTTEP, TISCO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$40ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทย US$71ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวัน US$61ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเพราะยังไม่มีปัจจัยบวกมากลบความกังวลสงครามการค้าที่จะสหรัฐและจีนจะเริ่มบังคับใช้ภาษีนำเข้าสินค้าในวันศุกร์นี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> HMPRO <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท
- คาดกำไรสุทธิ 2Q18 อยู่ที่ 1,315 ล้านบาท (+5.4% Q-Q, +16.3% Y-Y) ดีกว่ากลุ่มที่กำไรจะอ่อนตัวเล็กน้อย Q-Q จาก SSSG ที่คาดเป็นบวก 3% Y-Y และอัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสินค้า House Brand ที่ขายดีต่อเนื่อง
- แนวโน้มกำไรจะเร่งตัวขึ้นอีกใน 4Q18 เพราะเป็น High Season และมีการขยายสาขาในประเทศ อีกทั้งยังมีการจัดงาน Hmpro Expo ครั้งที่ 2 ของปี เราคาดกำไรปีนี้ +20% Y-Y อยู่ที่ 5.9 พันลบ.
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) BEAUTY จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ทำให้เรากังวลกับแนวโน้มการเติบโตของ BEAUTY มากขึ้น โดยระยะสั้นคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q18 จะลดลงแบบ Y-Y ครั้งแรกตั้งแต่เข้าตลาดฯ จากยอดขายในกลุ่ม Beauty Cottage ที่ชะลอตัวหนัก และผลของการคุมเข้มสินค้าและโรงงานผลิตเครื่องสำอางของ อย. ที่ทำให้การออกสินค้าใหม่ล่าช้า รวมถึง ทำให้การส่งออกสินค้าไปจีนยากลำบากมากขึ้น ขณะที่ แนวทางการแก้ปัญหาของ BEAUTY ที่มุ่งเน้นการทำตลาดแบบ Cross Border และการรุกช่องทาง Modern Trade เรามองว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม้จะเป็นตลาดที่ใหญ่ แต่การแข่งขันก็สูงมากเช่นกัน เราปรับลดกำไรปีนี้ลง 26% เหลือ 1,168 ลบ. (-5% Y-Y) พร้อมทั้งเปลี่ยนวิธีประเมินมูลค่าจากเดิม DCF เป็น Relative PE ที่ 18 เท่า เพราะกำไรระยะยาวเริ่มคาดการณ์ได้ยากขึ้น ได้ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 7.00 บาท ยังคงแนะนำขาย
(+) BCH เราคาดกำไรปกติ 2Q18 ของ BCH เติบโตแข็งแกร่ง 3.2% Q-Q และ 28.8% Y-Y เป็น 221 ลบ. หนุนโดยรายได้ฝั่งประกันสังคมที่ยังได้อานิสงส์จากการปรบเพิ่มเงินตั้งแต่กลางปีก่อน ผู้ป่วยเงินสดโตดีโดยเฉพาะ WMC ขณะที่ต้นทุนยังไม่ได้รับแรงกดดัน ทำให้ Margin ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเราเริ่มเห็น Upside ของประมาณการราว 5% จากปัจจุบันที่คาดโต 11% Y-Y ในปีนี้ ราคาหุ้นปรับลงระยะหลังทำให้ Upside เปิดกว้างขึ้น เราจึงมองเป็นโอกาสในการ ซื้อ ราคาเหมาะสม 18.30 บาท
(0) SAWAD แจ้งการเข้าถือหุ้น BFIT เป็น 45% (เดิม 36.4%) ไม่ส่งผลต่อประมาณการของเรา และเราคาดหวังการถือ BFIT มากกว่านี้ ขณะที่แนวโน้มกำไร 2Q18 คาดทรงตัวในฐานต่ำที่ราว 560 ลบ. โดยคาดว่าสินเชื่อจะลดลงราว 1-2%Q-Q เพราะมีการจ่ายชำระคืนของลูกค้าในกลุ่ม SME ที่เป็น NPL ในไตรมาสก่อน ขณะที่คาดสินเชื่อใหม่น่าจะขยายตัวได้เล็กน้อยเนื่องจากยังอยู่ในระหว่าการเปลี่ยนโครงสร้างการให้สินเชื่อในกลุ่มบริษัท เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 2.1 พันลบ. -21.6% Y-Y และคงราคาเหมาะสมที่ 38 บาท แต่ปรับคำแนะนำเป็น ถือ (จาก ขาย) จาก Upside ที่กว้างขึ้นจากคำแนะนำในครั้งก่อน แต่กระนั้นเรายังเห็นความเสี่ยงของการฟื้นตัวของ Loan Yield และรอดู NPL รวมถึงความชัดเจนของการตั้งสำรองฯใหม่ตามการกำกับรวมของกลุ่มธนาคาร
(+) PLANB คาดกำไร 2Q18 โตต่อเนื่อง 8.5% Q-Q, 24.8% Y-Y เป็น 151 ลบ. จากปัจจัยฤดูกาลและการเติบโตของตลาดโฆษณาสื่อนอกบ้าน (Out of Home: OOH) ดีกว่าตลาดโฆษณาโดยรวม และคาดกำไรในไตรมาสถัดไปโตขึ้นอีก เราคงคาดกำไรทั้งปีโตดีต่อเนื่อง 28% Y-Y โดยการลงทุน 35% ใน BNK คาดเป็น Upside ไม่มาก 3-4% และเรามีมุมมองเป็นกลาง ขณะที่การลงทุน 19.48% ใน BMN บ.ย่อยของ BEM ที่ทำธุรกิจสื่อในรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เรามองเป็นบวกเนื่องจากจะเพิ่มโอกาสได้บริหารสื่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนขยายในอนาคต และบริษัทยังมองหาโอกาสลงทุนเพิ่มในต่างประเทศ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 7.10 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
5 ก.ค.
|
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ADP (มิ.ย.) และ FOMC Meeting Minu
es
|
6 ก.ค.
|
- สหรัฐ: เริ่มเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 818 รายการ US$3.4 หมื่นล้าน และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (มิ.ย.)
|
11 ก.ค.
|
- ไทย: TISCO ผลประกอบการ 2Q18
|
12 ก.ค.
|
- ไทย: สนช.นัดลงมติเลือก กกต. ชุดใหม่
|
- () ตลาดสหรัฐปิดทำการเนื่องในวัน Independense Day
- (0) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวผสมผสาน หลังจากนักลงทุนยังคงกังวลเรื่องการขึ้นภาษีของสหรัฐและจีน ซึ่งมีกำหนดการว่าจะเริ่มใช้มาตราการดังกล่าวในวันที่ 6 ก.ค. นี้
- (0) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสานเช่นเดียวกัน โดยประเด็นความกังวลหลักยังคงมาจากสงครามทางการค้าที่อาจกระทบต่อ Supply Chain ในเอเชีย อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นกองทุนเข้าซื้อหุ้นในประเทศจีนมากขึ้น หลังจากตลาดหุ้นตกลงมาอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา
- () ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัวอยู่ที่บริเวณ 33.10-33.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
- () ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดทำการเนื่องในวัน Independense Day
- () ราคาทองคำ COMEX ปิดทำการเนื่องในวัน Independense Day
ข่าวเด่น