Market Summary 05/07/2018
Close
|
1,601.42
|
Volume
|
Bt55,700M
|
Change
|
-27.78
|
P/E
|
16.31
|
%Change
|
-1.71%
|
P/BV
|
1.83
|
หุ้นแนะนำพิเศษ
TOP Knowledge Sharing มุมมองบวกระยะยาว
- Clean Fuel Project (CFP) โครงการขยายกำลังการกลั่นจาก 275,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน โดยจะทำให้ค่า Nelson Index เพิ่มขึ้นจาก 9.8 สู่ 11-12 จุด (ค่าสูงจะทำให้กลั่นน้ำมันที่มีราคาสูงได้เพิ่มขึ้น) โดยโครงการ CFP จะทำให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับลดลงเนื่องจากสามารถเพิ่มสัดส่วน Heavy Crude ที่มีต้นทุนถูกกว่า Light Crude ได้ อีกทั้งน้ำมันสำเร็จรูปที่ได้จะไม่มีน้ำมันเตาซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าต่ำ
- โครงการ CFP ใช้เงินลงทุนราว 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งทางบริษัทไม่ต้องเพิ่มทุนเพราะมีเงินสดในมือราว 8 หมื่นล้านบาทและคาดว่าจะมีกระแสเงินสดระหว่างปีอีกราว 1.2 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังสามารถกู้ยืมได้อีกราว 4.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปีแล้วเสร็จปี 2022
- ความเห็น “ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อ TOP ในระยะยาว” เนื่องจากโครงการ CFP จะช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบและเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์อีกทั้งเป็นการขยายกำลังการผลิตอีกกว่า 45% โดยเราคาดว่าจะทำให้ค่าการกลั่น TOP หลังโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้านเงินทุนเราไม่กังวลว่าต้องมีการเพิ่มทุนเพราะจากกระแสเงินสดและเงินสดในมือ รวมถึงความสามารถในการกู้ยืมเพียงพอต่อการลงทุนในโครงการ CFP โดยในระยะสั้นหากราคาปรับตัวลงตามค่าการกลั่นที่ลดลงมองเป็นจังหวะเข้าซื้อลงทุนระยะยาว
Market View : ลุ้นรีบาวด์
หุ้นแนะนำพิเศษ : TOP
หุ้นมีข่าว : DOD กลุ่มเรือเทกอง
Technical Insight : HANA MC
SET Index วานนีปรับตัวลงต่อเนื่องหลังจากที่ฟื้นตัวไป 3 วันทำการ จากความกังวลต่อมาตรการเก็บภาษีระหว่าง สหรัฐ-จีน ที่จะเริ่มบังคับใช้ในวันนี้ โดยเป็นการปรับตัวลงในทุกกลุ่ม นำโดย ENERG ที่แม้ตลาดน้ำมันหยุดทำการ แต่มีกระแสความกังวลจากประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ให้ความเห็นว่าโอเปกควรจะลดราคาน้ำมันลงมากกดดัน และยังมีการปรับตัวลงของหุ้นขนาดกลาง อาทิ BEAUTY หลังกังวลต่อกำไรชะลอตัว ส่งผลต่อหุ้นที่ใกล้เคียง อาทิ DDD RS ทำให้ SET Index ปิดที่ 1,601.42 จุด (-27.78 จุด) Volume 5.57 หมื่นลบ. มาจาก Foreign Net -1,345.27 ลบ. TFEX Net -2,737 สัญญา ตราสารหนี้ -260.21 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ ดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นขานรับรายงานข่าว สหรัฐจะยุติการเก็บภาษีรถจากยุโรป
+ "ทรัมป์" ยอมยกเลิกเก็บภาษีรถ ยุโรป แลกกับยุโรปเลิกเก็บภาษีรถ สหรัฐ
+ ดัชนีภาคบริการของสหรัฐขยับขึ้น 0.5% สู่ระดับ 59.1 ในเดือนมิ.ย. ขณะที่การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่ง
+ ม.หอการค้า เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนมิ.ย.อยู่ที่ 81.3 กลับมาปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนตามกำลังซื้อฟื้น
- น้ำมันดิบปิดร่วงลงหลัง EIA เผย สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากสหรัฐร้องให้โอเปกปรับลดราคาน้ำมัน
- ชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 2.31 แสนราย
- รายงานประชุมชี้กรรมการเฟดกังวลผลกระทบข้อพิพาทการค้า แต่ยังคงจุดยืนปรับขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป
- "ทรัมป์" ยืนยันเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน $3.4 หมื่นล้านในวันนี้ตามกำหนดการ ขณะที่จีนยืนยันจะไม่เก็บภาษีก่อน
- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.89 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 33.17 บาท/US
**วันนี้สหรัฐเริ่มบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีลุ้นดีดตัวขานรับข่าวดีสหรัฐจะไม่เก็บภาษีรถจากยุโรป และแนวโน้มศก.ในประเทศยังดี แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ราคาน้ำมันที่ปิดร่วงลง และประเด็น fund flow ผันผวนต่อเนื่อง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,591-1,618 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- BANPU ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 11 วันทำการสู่ 116.6$/Ton +8%
- CPALL ROBINS HMPRO BEM ครม.คง VAT ที่ 7% อีก 1 ปี
- หุ้น Beta <0.5 Dividend > 5% DIF DRT MC LH GLOW
- หุ้น Beta <1.0 Dividend > 3.8% TCAP SCB KTB SAT
- KCE CPF GFPT กลุ่มส่งออก ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ 33.17 บาท/US
- PSL ดัชนีค่าระวางเรือปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 6 วันรวมกว่า 23% มาที่ 1612จุด
หุ้นมีข่าว
- + DOD (ราคาปิด 12 ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเหมาะสม 12.30 ) ออเดอร์ใหญ่ไหลเข้าโค้งสองสดใส-ทั้งปีโตต่อ (ที่มา : ทันหุ้น)
- ความเห็น : ฝ่ายวิจัยคาด DOD จะสามารถเติบโตได้ตามประมาณการรายได้ที่ 620 ลบ. +60%YoY และกำไรสุทธิราว 251 ลบ. +77%YoY จากการขยายโรงงานเพิ่มกำลังการผลิตตามยอดการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น พร้อมมีแผนตั้งโรงงานสกัดลดต้นทุนวัตถุดิบ และเตรียมสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของตนเอง อย่างไรก็ตามอาจได้รับผลกระทบ sentiment เชิงลบจากหุ้นกลุ่มที่ขายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ปรับตัวลงมาแรง จากการเติบโตที่อาจผิดคาด
- หุ้นกลุ่มธุรกิจความงาม DDD-BEAUTY-RS ร่วงยกแผง DDD ลดลง 14.98% BEAUTY ลดลง 20.88% RS ลดลง 10.43% คาดได้รับผลกระทบจากสินค้าปลอมนับจากต้นปี มองกระทบต่อผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2561(ที่มา ข่าวหุ้น)
- ประเด็นลบกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน กกพ.มีมติตรึงค่า Ft งวด ก.ย.-ธ.ค.61 ที่ -15.90 สต./หน่วยหลังนำเงินสะสมช่วยพยุง แม้ต้นทุนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
- ประเด็นบวกกลุ่มรับเหมา รฟท.ชงบอร์ดอนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ 8 เส้นทาง วงเงินลงทุนกว่า 4 แสนลบ.ในก.ค. คาดเปิดประมูลได้ปลายปี 61-ต้นปี 62
- ประเด็นบวกหุ้นกลุ่มค้าปลีก : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.61 สูงสุดในรอบปีที่ 81.3 เนื่องจากผู้บริโภคคลายกังวลราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจนโดยเฉพาะการส่งออก การท่องเที่ยว และราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรที่มีแนวโน้มดีขึ้น
- ความเห็น ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้นมักตามมาด้วยการจับจ่ายใช้สอยในการบริโภคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เป็นผลดีกับหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ยอดขายมีแนวโน้มปรับดีขึ้น
- ก.ล.ต.ให้บอร์ด GGC เร่งดำเนินการและเปิดเผยผลการตรวจสอบกรณีวัตถุดิบคงคลังสูญหาย ภายใน 31 ก.ค.
- กลุ่มเดินเรือเทกอง : ในช่วงเวลา 6 วันทำการที่ดัชนี BDI ปรับเพิ่มรวมกันกว่า 23% ส่วนหนึ่งเกิดจากการเร่งส่งมอบถั่วเหลืองของผู้ส่งออกจากสหรัฐฯไปยังจีน เพื่อให้ทันก่อนที่จะมีการบังคับใช้มาตรการภาษีระหว่างสหรัฐ – จีน ในวันนี้ (6 ก.ค. 61) เนื่องจากถั่วเหลืองที่ทั้งจีนเป็นผู้นำเข้าหลัก และสหรัฐเป็นผู้ส่งออกหลัก ของโลก ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 60 ทำให้ถั่วเหลืองเป็นส่วนที่สำคัญในมาตรการภาษี
- ความเห็น ภายหลังจากมีการบังคับใช้มาตรการภาษี อาจส่งผลให้ดัชนี BDI เริ่มชะลอความร้อนแรงในช่วงสั้น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อ PSL ที่ราคาหุ้นมีการปรับขึ้นกว่า 11.2% ในช่วงเวลาดังกล่าว จึงแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังในการ “ซื้อเก็งกำไร” มากขึ้น
- ธปท. แนะนำติดตามและประเมินภาวะการแข่งขันในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และการคงค้างของอาคารชุด รวมถึงอุปทานของพื้นที่อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีกที่อาจเร่งตัวขึ้นจากโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมในอนาคต อาจเกิดความเสี่ยงในตลาดอสังหาฯ ที่ยังมีคงค้างมาก และระบายออกได้ช้า ทำให้ธนาคารพาณิชย์ ควรระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อในลักษณะดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลให้ภาคครัวเรือนมีภาระหนี้สูงและอาจกระทบกับความสามารถในการรองรับความเสี่ยงของภาคครัวเรือนในระยะต่อไป
ข่าวเด่น