คำแนะนำ
หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,266-1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แนะนำทยอยปิดสถานะซื้อทำกำไรบางส่วน เพื่อรอการอ่อนตัวลงของราคาหากไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,250-1,248 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จึงพิจารณาเข้าซื้อทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,248 1,237 1,222
แนวต้าน 1,266 1,272 1,283
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.97 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากในระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 1,265.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากแรงซื้อคืนเพื่อปิดสถานะขาย(short covering) และการอ่อนค่าของดอลลาร์หลังการเปิดเผยตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงแรงงานสหรัฐที่ชะลอตัวลงต่ำกว่าคาด ก่อนที่ราคาทองคำจะลดช่วงบวกลงในภายหลังโดยได้รับแรงกดดันจากการฟื้นตัวของดอลลาร์ ทั้งนี้ ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากปอนด์ที่อ่อนค่าลง อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับทิศทางการเมืองในอังกฤษ หลังจากรัฐมนตรีคนสำคัญของอังกฤษประกาศลาออกจากตำแหน่งท่ามกลางความแตกแยกของคณะรัฐมนตรีอังกฤษในประเด็นการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป(Brexit) อย่างไรก็ตามหากการเจรจากับ EU ไม่คืบหน้าก็มีความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะถอนตัวจาก EU แบบแข็งกร้าว (hard Brexit) ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้ในระยะถัดๆไป ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง -1.47 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจขนาดเล็กจาก NFIB, ถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี และตําแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS Job Openings) ของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,266-1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนตัวลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,250-1,248 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เปิดสถานะซื้อเก็งกำไรระยะสั้น โดยแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะเข้าซื้อ หากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,250-1,248 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการขายให้ทยอยทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน 1,266-1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือสามารถเปิดสถานะขายหากราคาไม่ผ่านแนวต้าน 1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น