กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในแดนบวกได้เป็นส่วนใหญ่ซึ่งถือว่าดีกว่าที่เราคาดแม้ราคาน้ำมันที่ปรับลงแรงจะถ่วงหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่ชดเชยได้จากหุ้นกลุ่ม Domestic Play หลายๆตัวที่ปรับขึ้น สถานะของนักลงทุนรายกลุ่มไม่ได้มีทิศทางชัดเจนนักโดยนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิบางเพียง 558 ลบ.และ Net Long ใน Index Futures กว่า 2.1 พันสัญญา
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways Up ทดสอบระดับ 1,650 จุดบวกลบจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใสขึ้นจากประเด็นสงครามการค้าที่ผ่อนคลาย ล่าสุดจีนยังไม่ได้ตอบโต้แผนการเก็บภาษีเพิ่มอีก 2 แสนล้านเหรียญของสหรัฐฯ รวมถึงมีข่าวว่าเรียกร้องให้มีการเจรจาและไม่ต้องการทำสงครามการค้า เราคาดว่าตลาดจะเริ่มกลับมาให้น้ำหนักกับพื้นฐานเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมากขึ้นในระยะนี้และคาดว่าหุ้นที่มีกำไร 2Q18 โตเด่นจะเป็นเป้าในการเก็งกำไร
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q18 แข็งแกร่ง //สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือนก.ค. : BANPU, CPF, EPG, PTTEP, TISCO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$22ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$43ล้าน ขณะที่ไหลออกไทย US$17ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางกลับมาไหลเข้าภูมิภาคหลังสหรัฐและจีนส่งสัญญาณการเข้าเจรจายุติสงครามการค้าระหว่างกัน
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ORI <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 25.40 บาท
- เป็น 1 ใน 15 หุ้นของบทวิเคราห์ “หุ้นดี PE เหมาะสม” ที่เราคาดกำไร 2Q18 จะโตได้ทั้ง Q-Q และ Y-Y อีกทั้งยังเป็น Growth Stock ที่คาดกำไรปีนี้โตเด่น +42% Y-Y และปีหน้า +31% Y-Y
- Backlog รองรับรายได้ปี 2018-19 ไปมากกว่าครึ่งของที่เราคาด และมีการขยายธุรกิจไปโรงแรม+ออฟฟิสให้เช่าเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่ ราคาหุ้นร่วงจนทำให้ PE2018 เหลือเพียง 11 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 14 เท่า และคาดปันผลน่าสนใจ 4% ต่อปี
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) TISCO ประเด็นการเพิ่มขึ้นของ NPL ใน 2Q18 อาจจะกดดันราคาหุ้นภายหลังประกาศผลประกอบการ แต่เรายังเห็นถึงโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่ธนาคารคาดว่าจะจัดการได้ นอกจากนี้เราเห็นสัญญาณจากเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และการที่ธนาคารมีแผนบริหารจัดการเพื่อลดความกดดันต่อ ROE เราคาดว่าธนาคารจะจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่าคาดการณ์เดิมของเรา โดยเราปรับคาดการณ์เงินปันผลประจำปี 2018 ขึ้นเป็น 5.80-6 บาท ซึ่งคิดเป็น Yield ราว 7% คงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 98 บาท
(+) IT เรายังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีนี้เท่ากับ 6.90 บาท โดยระยะสั้นจะได้แรงหนุนจากกำไรสุทธิ 2Q18 ที่คาดทำจุดสูงสุดในรอบ 23 ไตรมาสที่ 24 ลบ. +29% Q-Q, +17% Y-Y ส่วนระยะยาวจะได้แรงหนุนจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมคอมฯและอุปกรณ์ จากทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่วิ่งเข้าหาสินค้าไอทีมากขึ้น และการสนับสนุนของภาครัฐฯที่อยากให้ราชการและเอกชนใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนองค์กร ขณะที่ ตัวของ IT จะกลับมาใช้กลยุทธ์เชิงรุกเร่งขยายสาขาเพื่อหวังให้เกิด Economy of scale มาเพิ่ม Gearing ให้กับผลกำไร ราคาหุ้นปัจจุบันที่ยังถูกอยู่มาก PE2018-19 ต่ำเพียง 12-15 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 23 เท่า และคาดปันผลสูง 5-6% ต่อปี
(-) FN คาดกำไร 2Q18 ยังไม่ฟื้นอาจลดลงเหลือ 8 ลบ. (-50% Q-Q, -62% Y-Y) จาก SSSG ที่ติดลบสูง เพราะสินค้า House Brand มีรายได้ชะลอ และสาขาศรีราชายังถูกกระทบจากการปิดทาเข้าออกมอเตอร์เวย์ ทำให้ 1H18 จะมีกำไรเพียง 24 ลบ. -45% Y-Y ส่วนแนวโน้ม 3Q18 ยังชะลอต่อเนื่องเพราะเป็น Low Season โดยคาดจะไปฟื้นอีกครั้งใน 4Q18 ตามฤดูกาลและการเปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง เรามีแนวโน้มปรับกำไรทั้งปีนี้ลงเหลือ 44 ลบ. -49 Y-Y (เดิมคาด 150 ลบ.) ยังแนะชะลอการลงทุน จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน
(-) MALEE คาดผลการดำเนินงาน 2Q18 อาจพลิกเป็นขาดทุน -6 ลบ. จาก 1Q18 ที่มีกำไร 9 ลบ. และต่ำกว่า 2Q17 ที่มีกำไร 61 ลบ. ถือเป็นการขาดทุนครั้งแรกในรอบ 10 ปี เพราะรายได้ยังดูแย่ทั้งในประเทศและส่งออก โดยเฉพาะยอดส่งออกน้ำมะพร้าวลูกค้า CMG ที่คาดยังหดตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y กอปรกับค่าใช้จ่ายยังอยู่ในระดับสูง มีแต่ทรงกับเพิ่ม แม้ไตรมาสนี้จะเริ่มรวมผลประกอบการของ LQSF เวียดนามเข้ามาใน พ.ค.-มิ.ย. ซึ่งคาดว่าจะมีคาดรายได้ราว 100 ลบ. แต่อาจสร้างกำไรได้ไม่มาก เรายังอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย เบื้องต้นแนะนำชะลอการลงทุนไปก่อน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13 ก.ค.
|
- จีน: ดุลการค้า (มิ.ย.)
|
16 ก.ค.
|
- สหรัฐฯ: ยอดค้าปลีก (มิ.ย.)
- จีน: 2Q18 GDP ตลาดคาด +6.7% Y-Y
|
20 ก.ค.
|
- ไทย: ดุลการค้า (มิ.ย.)
|
- (+) ตลาดสหรัฐฟื้นตัวขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐส่งสัญญาณพร้อมที่จะเจรจากับจีน โดยมีจุดประสงค์หลักคือการค้าที่เป็นธรรมระหว่างสองประเทศมากกว่าการขึ้นภาษีตอบโต้กันไปมา
- (+) ตลาดยุโรปปรับตัวขึ้นหลังคลายความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า อย่างไรก็ตามในระยะถัดไป ตลาดอาจกลับมากังวลเรื่อง Brexit อีกครั้ง หลังประเทศอังกฤษเองยังคงประสบปัญหาเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ
- (+) ตลาดเอเชียเช้านี้ฟื้นตัวตามตลาดหุ้นในสหรัฐและยุโรป จากประเด็นสงครามการค้าหลังสหรัฐมีท่าทีผ่อนคลายลง
- (+) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักของโลกล่าสุดกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 33.10-33.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
- (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 0.05 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 70.33ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง Supply ตึงตัวน้อยลง จากทั้งในกลุ่ม OPEC และ ท่าทีของสหรัฐในการคว่ำบาตรอิหร่านที่ดูอ่อนลง
- () ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1246.60ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเด่น