ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน SET Index คาดว่าจะอ่อนตัวลง (17/07/61)


 กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play//Accumulate on Dip

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงกว่าเราและตลาดคาด ปิดลบถึง 15.83 จุด โดยมีแรงขายออกมาในหุ้นขนาดใหญ่หลายกลุ่มทั้งกลุ่มการเงิน กลุ่มท่องเที่ยว เป็นต้น แรงขายส่วนใหญ่มาจากบัญชีบล. 1,202 ลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องอีก 760 ลบ. ขณะที่นักลงทุนรายย่อยเป็นฝ่ายซื้อสุทธิเพียงรายเดียว
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะอ่อนตัวลงต่อถ่วงโดยกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับลงแรงกว่า 4% และมีปัจจัยที่ต้องติดตามหลายประเด็นทั้งการแถลงรอบครึ่งปีของประธาน FED ต่อสภาคองเครสในช่วง 2 วันนี้ รวมถึงผลประกอบการกลุ่มธนาคารบ้านเราที่จะประกาศหนาแน่นในช่วงท้ายสัปดาห์ ทำให้การรีบาวด์ของตลาดในระยะนี้น่าจะค่อนข้างจำกัด เราจึงยังมองว่าหุ้นที่มีกำไร 2Q18 แข็งแกร่งน่าจะได้แรงหนุนจากการเก็งกำไรและสามารถเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด 
  กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q18 แข็งแกร่ง //สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
  หุ้นเด่นเดือนก.ค. : BANPU, CPF, EPG, PTTEP, TISCO

  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$242ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$115ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$23ล้าน ขณะที่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$5ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ถ่วงโดยหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งน่าจะปรับตัวลงตามราคาน้ำมันที่ร่วงลงแรง

ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> SVI <<

  • แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.90 บาท
  • คาดกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 218 ลบ. (+241% Q-Q, +74% Y-Y) ทำจุดสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส จากรายได้ที่โต 5 ไตรมาสติดต่อกัน ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ US$114 ล้าน และเงินบาทที่เริ่มกลับมาอ่อนค่า ขณะที่ ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบได้คลี่คลายจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ
  • แนวโน้ม 2H18 จะโตดีต่อเนื่อง เพราะฐานปีก่อนต่ำ และ 3Q18 เป็น High Season เราคาดทั้งปีทำได้ 656 ลบ. +33% Y-Y และปีหน้า 767 ลบ. +17% Y-Y

ประเด็นสำคัญวันนี้
  (+) KTC กำไร 2Q18 ดีกว่าที่เราและตลาดคาดที่ 1.3 พันลบ. +8% Q-Q, +66% Y-Y เนื่องจากการรายได้ดอกเบี้ยที่ดีกว่าคาดและหนี้สูญรับคืนที่สูงกว่าคาดการณ์ไว้ สินเชื่อฟื้นตัวขึ้น 2.7%Q-Q ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อบุคคล ขณะที่ NPL ลดลงมาอยู่ที่ 1.27% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงทั้งจากสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล กำไร 1H18 +66% Y-Y และคิดเป็น 54% ของประมาณการทั้งปีที่ 4.6 พันลบ. +40% Y-Y เรายังคงประมาณการเดิมไว้ก่อน ราคาหุ้นที่ปรับลงแรงไม่สอดคล้องกับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ถือเป็นโอกาสซื้อ (จากเดิมแนะนำขาย) คงราคาเหมาะสมที่ 32.40 บาท
  (0) DTAC กำไรสุทธิ 2Q18 อยู่ที่ 179 ลบ. -86.4% Q-Q, -75.9% Y-Y หากตัด fx และรายการพิเศษในไตรมาสก่อนๆออก กำไรปกติอยู่ที่ 125 ลบ. -87.1% Q-Q, -83.1% Y-Y ใกล้เคียงคาด สาเหตุที่กำไรหดตัวแรงเกิดจากการเริ่มรับรู้ต้นทุนคลื่น 2300 MHz ส่วนรายได้จากการให้บริการไม่รวม IC ทรงตัว Q-Q, -2.3% Y-Y ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยจาก ARPU ที่โตน้อยกว่าคาด แต่ Net Add ติดลบชะลอเหลือเพียง 2 แสนราย ที่น่าประหลาดใจอย่างมากคือปันผลระหว่างกาลที่ 1.01 บาท/หุ้น คิดเป็น Payout Ratio สูงถึง 160% และ Dividend Yield 2.7% ทั้งที่อยู่ในช่วงต้องการใช้เงินไปประมูลคลื่น จึง implied ได้ว่า DTAC อาจยังไม่เข้าประมูลในรอบนี้  เรายังคงราคาเหมาะสมที่ 52 แนะนำซื้อ
  (0) VGI คาดกำไรปกติ 1Q19 (สิ้นมิ.ย.18) อ่อนลง 10.6% Q-Q อยู่ที่ 234  ลบ. จากรายได้สูงพิเศษในไตรมาสก่อน แต่เป็นกำไรโตดี 33.8% Y-Y จากรายได้เพิ่มของทุกสื่อโฆษณา เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2019 (สิ้นงวดมี.ค.2019) ขึ้น 13% เป็นกำไรโตสูง 55.9% และปี 2020-21 ปรับขึ้น 23-28% โต 34% และ 16% ตามลำดับ จากการรวมกำไรรับรู้จากการลงทุน 23% ใน Kerry TH แต่จากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากการแปลงสภาพ VGI-W1 และหุ้น PP ทำให้ EPS และราคาเป้าหมายปี 2019 เพิ่มไม่มาก ขณะที่ราคาหุ้นปรับฐานลงมา แต่ยังมี Upside จำกัด แนะนำถือ จากเดิมขาย ราคาเป้าหมายปี 19 ที่ 7.20 บาท 
  (+) FTE เราคาดกำไรสุทธิ 2Q18 จะกลับมาฟื้นเด่น 74% Q-Q และ 6% Y-Y อยู่ที่ 29 ลบ. จากรายได้งานขายที่เพิ่มขึ้นหักล้างงานโครงการที่ชะลอตัว โดยงานขายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มลูกค้าคอนโดฯ และออฟฟิสสร้างใหม่ ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มยอดจดทะเบียนอาคารชุดที่เร่งตัวมาตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นก็คาดว่าจะกลับเข้าสู่ระดับปกติ เพราะงานอัตรากำไรขั้นต้นต่ำถูกรับรู้ไปมากใน 1Q18 ส่วนแนวโน้ม 2H18 ยังคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัว H-H จากฐานที่ต่ำใน 1H18 และงานโครงการที่จะถูกปล่อยออกมามากขึ้น เรายังคาดว่า FTE จะคง Payout Ratio ที่ 100% ทำให้คาดปันผล 1H18 จะจ่ายได้ที่ 0.08 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 3.6% แนะนำซื้อ

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

18 ..

สหรัฐฯ: Fed Beige Book

ยูโรโซนอัตราเงินเฟ้อ (มิ..)

19 ..

ผลประกอบการ 2Q18 ของ BBL SCB BAY TMB

20 ..

ไทยดุลการค้า (มิ..

23 ..

สหรัฐฯยอดขายบ้านมือสอง (มิ..)

  (0) ตลาดสหรัฐปรับตัวผสมผสาน แม้ว่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มธนาคาร แต่ก็ถูกกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรง 
  (-) ตลาดยุโรปปรับตัวลงหลังจากราคาน้ำมันดิบได้ร่วงลง 4% ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน
  (0) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน จากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงน่าจะส่งผลดีต่อประเทศในเอเชียในช่วงถัดไป
  (0) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินบาท ล่าสุดยังคงเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 33.20-33.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
  (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 2.95 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 68.06ดอลลาร์/บาร์เรล หลังซาอุฯยังคงปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงข่าวที่ทางสหรัฐอาจจะขายน้ำมันดิบจากคลังสำรองฉุกเฉินออกมาจำนวน 5-30 ล้านบาร์เรลและกำลังพิจารณาว่าอาจผ่อนผันการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านให้ประเทศพันธมิตรได้
  () ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 1.50 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1239.70ดอลลาร์/ออนซ์  


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 ก.ค. 2561 เวลา : 09:38:22

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 4:00 am